“บิ๊กJKN” อ้าง ‘เงินเฟ้อ-ตั้งรัฐบาลช้า-ระดมทุนไม่สำเร็จ’ เลื่อนคืนหุ้นกู้

             การผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้ของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กลับมาสร้าง “ความกังวล” (Panic) ให้ตลาดหุ้นกู้อีกครั้ง ! หลัง JKN แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่หุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 2/2563 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 (หุ้นกู้ JKN239A) ถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน หุ้นกู้ในวันที่ 1 ก.ย. 66 จำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609,981,369.86 บาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สามารถ ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวได้ โดยบริษัทจะชำระเงินต้นบางส่วนจำนวน 146,618,630.14 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 9,981,369.86 บาท รวม 156,600,000 บาท ในวันครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ (1 ก.ย. 2566) โดยคงเหลือยอดค้างชำระจำนวน 443,400,000 บาท

โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาที่มีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้กันให้เห็นแล้ว

              วันนี้ (31 ส.ค.2566) “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ออกมาชี้แจงเหตุผลของการเลื่อนกำหนดชำระหุ้นกู้ ผ่านทาง “CNBC Thailand” ว่า วันนี้ JKN มีเรื่องสำคัญต้องรีบมาชี้แจงให้นักลงทุนฟัง เพื่อสร้างความโปร่งใสในประเด็นเรื่องการเลื่อนชำระหุ้นกู้ชุดที่ 2/2563 ชื่อว่า “JKN 239A” ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 1 ก.ย. 2566  ของ JKN

             เอาแบบที่ให้เข้าใจง่ายๆ คือว่า “แค่ปรับวันชำระคืนหุ้นกู้ !” และนี่คือครั้งแรกในรอบกว่า 25 ปี ของตัวแอนเองที่ต้องมาปรับวันชำระคืนไม่ว่าจะเป็นทั้งจากสถาบันการเงิน , หุ้นกู้ ในชีวิตของตัวเองไม่เคยทำเคยและครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเป็นสาเหตุที่ต้องมาพูดและบทสรุปของสาเหตุ

              เหตุผลข้อ 1 คือ JKN ขอเลื่อนการชำระหนี้ ไปจากกรอบระยะเวลาเดิม ทั้งนี้บริษัทมีเงินสดที่พร้อมชำระได้เลยทันทีในวันที่ 1 ก.ย. นี้ จำนวน 156.6 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทุกคน ส่วนจำนวนเงินที่เหลือจะได้รับดอกเบี้ยไปจนกว่าวันที่จะได้รับเงินนั้นก็คือ เงินต้น ซึ่งวันไหนที่จะได้รับเงินต้นตลอดระยะเวลาจากช่วงนี้ไปจนถึงวันนั้นยังจะได้รับดอกเบี้ยตลอดเวลา โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้คือ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด จะเป็นผู้ติดต่อทางผู้ถือหุ้นกู้ทุกท่าน เพื่อชี้แจงรายละเอียดพร้อม (ฟังให้ดีเลยนะคะ) กำหนดวันจะชำระเงินอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดความรับผิดชอบของ JKN ที่จะทำให้ดีและเร็วที่สุด

              เหตุผลข้อ 2 JKN ทุกคนต้องอย่างรู้สาเหตุและมีการตั้งคำถามขึ้น ! โดยจะสรุปสาเหตุให้ฟังว่า เริ่มจาก “ปัจจัยภายนอก” ที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยนิ่งนอนใจเรื่องที่ต้องชำระคืนหุ้นกู้ ดังกล่าว บริษัทมีการวางแผนตลอดเวลาในการหา “แหล่งเงินทุนมาชำระคืน” และมีความมุ่งมั่นจะหารีเทิร์นให้กับทุกคน ดังจะเห็นได้จากการชำระดอกเบี้ยคืนจนครบทั้งหมด

แต่เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีภาวะที่มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบและอยู่เหนือการควบคุม นั่นคือ “ภาวะเงินเฟ้อสูง” ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลในระดับโลกและมาถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทำให้การใช้จ่ายเงินไม่คล่องตัวเหมือนเดิม ไม่ง่าย และตัดสินใจยากมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการขาดความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นกู้อันเกิดมาจาก “บริษัทยักษ์ใหญ่รายหนึ่งที่สร้างเอาไว้เมื่อกลางปีที่ผ่านมา” ทำให้ตลาดหุ้นกู้เสีย หรือปิดตัวไปเลย

รวมถึง “รัฐบาลที่มีการจัดตั้งได้ล่าช้า 3-4 เดือน” ส่งผลให้ขาดเสถียรภาพทางการเมือง จนทำให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งพิสูจน์และเห็นได้เลยว่า ตลาดเงินแห้ง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถอดเงินออกจากประเทศไทยอย่างมาก

              นั้นจึงสรุปได้ว่า สารพัดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งเราหวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าว หรือว่าการปรับวันชำระหุ้นกู้จะไม่เกิดกับใครอีก หรือ เกิดน้อยที่สุดกับบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ  เพราะทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากภายนอกทั้งหมด

              เหตุผลข้อ 3 ปัจจัยภายใน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติในประเทศมาโดยตลอดอย่างรัดกุม ซึ่งได้ทำหลายวิธีการอย่างผ่านมาหมด รับผิดทุกกรณีทั้งหุ้นกู้และแบงก์ แต่มีเหตุการณ์ “การเจรจาที่ทำให้การระดมทุนไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้” เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้หุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับผลกระทบ เพราะเหตุการณ์นั้น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พูดคุยกันมาหลายเดือนแล้ว แต่กลับมาเปลี่ยนเงื่อนไข หรือมาปรับเงื่อนไขที่ทำให้สัญญานั้นเข้มกว่าเงื่อนไขปกติของสัญญากู้ยืม ซึ่งเราก็ไปหาแห่งเงินทางอื่น เพื่อที่จะมาจ่ายหุ้นกู้ชุดนี้ได้มีการชำระไป ซึ่งที่บอกว่าสัญญาเข้มกว่าปกติเพราะว่ามีเงื่อนไขบ้างอย่างที่เขียนเอาไว้เลยว่า หากมีความผิดพลาดอะไรเล็กน้อยในบางสิ่งบางอย่าง ผู้ให้กู้จะสามารถยึดทรัพย์สินหลักได้ทันที ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาที่ไม่แฟร์ทั้งๆ ที่เราเชื่อและไว้ใจกันมานาน จึงส่งผลต่อรายได้หลักหากเราจะต้องสูญเสียทรัพย์สินหลักไป ซึ่งในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทโดยไม่สามารถนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปแลกกับเงินไม่กี่ร้อยล้านบาท เพื่อมาชำระหุ้นกู้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น  

              ดังนั้น จึงยอมรับไม่ได้ จากนั้นจึงเป็นการเดินหน้าต่อจากนี้ คือ แผนงานและการเดินด้วยความแข็งแกร่งและด้วยลำแข้งของตัวเอง ต้องเดินหน้าสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อที่จำนำมาคืนให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้ตลอดจนสถาบัน

         เหตุผลข้อ 4. ความจริงใจที่พิสูจน์ให้ทราบ โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทมีการออกหุ้นกู้อีกชุด โดยมีหนังสื่อผ่านตัวแทนไปยังผู้ถือหุ้นกู้ JKN 239A ซึ่งหมายความว่า ถ้าถือหุ้นกู้ดังกล่าว (JKN 239A) หากได้รับการชำระคืนหมดแล้ว และอยากได้รีเทิร์นเหมือนเดิมและมีความพึ่งพอใจ ก็สามารถติดต่อได้ และมีการติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนเงินระดับ 100 ล้านบาทแล้วทั้งๆ ที่เพิ่มปล่อยหุ้นกู้ชุดใหม่ออกไปไม่นาน นี่ถือเป็นความจริงใจอย่างหนึ่งที่อยากจะให้เห็น ซึ่งเรามั่นใจว่าจะชำระได้ครบ หากเราไม่มั่นใจคงไม่ปล่อยเอกสารดังกล่าวออกไป

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ