CENTEL เปิดแผน 3 ปี ลงทุน 2 หมื่นล้าน สยายปีกโรงแรม ตปท. เล็งปักธงยุโรป-แอฟริกา

โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ “เซ็นทารา” ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 หลังจากฉลองครบรอบ 40 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 ยกให้เป็นปีแห่งการเติบโตในอนาคต มุ่งขยายแบรนด์โรงแรมทั้ง 6 แบรนด์สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำ

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่า ปี 2567 ของเครือเซ็นทาราจะเป็นปีแห่งการสร้างการเติบโตในอนาคต หรือ Future Growth มุ่งขยายธุรกิจโรงแรมต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายในปี 2570 ตามที่เคยตั้งเป้าไว้ โดยในปี 2566 ได้ก้าวจากอันดับ 150 มาอยู่ที่อันดับ 111 ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เครือเซ็นทาราสามารถเดินตามแผนและตรงตามกลยุทธ์ได้เร็วกว่าคาดการณ์

“ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ เครือเซ็นทาราวางแผนเปิดตลาดประเทศใหม่ๆ เช่น ในยุโรปและแอฟริกา ซึ่งต้องรอคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ”

รุกขยาย 6 แบรนด์โรงแรมในต่างประเทศ

ส่วนตลาดประเทศอื่นๆ ที่เข้าไปขยายธุรกิจแล้วก่อนหน้านี้ เช่น จีน และเวียดนาม จะเดินหน้าขยายจำนวนโรงแรมเข้ารับบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยที่เวียดนาม ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 1 แห่ง คือ เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน ขนาด 984 ห้องพัก และอยู่ระหว่างพัฒนาอีก 8 แห่งใหม่ รวมจะมี 9 แห่งในเวียดนาม เป็นการรับบริหารทั้งหมด คิดเป็นจำนวนห้องพักกว่า 4,900 ห้อง 

นอกจากนี้ ได้หารือกับพันธมิตรร่วมลงทุนที่ดูไบ เพื่อขยายห้องพักโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ เพิ่มอีก 200 ห้องพัก จากปัจจุบันที่มี 607 ห้องพัก หลังโรงแรมนี้เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงโควิด-19 ยังระบาด แต่มีผลการดำเนินงานดี อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 80%

“เซ็นทารามีแผนจะขยายแบรนด์โรงแรมในเครือทั้ง 6 แบรนด์ ออกสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางทั้งในและต่างประเทศ อาทิ แผนขยายแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ และโรงแรมในธีมมิราจ ไปในไทย มัลดีฟส์ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย รวมถึงแผนการเซ็นสัญญาขยายเครือข่ายพันธมิตรในตลาดสำคัญๆ อย่างจีนด้วย”

ปี 67 เปิด 6 แห่งใหม่ ชูไฮไลต์ ‘มัลดีฟส์’

แผนการขยายโรงแรมในปี 2567 เครือเซ็นทาราเตรียมเปิดให้บริการทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม 6 แห่ง แบ่งเป็น 3 แห่งในไทย ส่วนอีก 2 แห่งใน สปป.ลาว และ 1 แห่งในมัลดีฟส์ ได้แก่ เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย, เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี, เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี, โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ, เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ และ เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์

สำหรับโปรเจกต์สำคัญแห่งปี อย่างโรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ ขนาด 145 ห้องพัก มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 3 ในมัลดีฟส์ของเครือเซ็นทารา และเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์มิราจ ธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัว แห่งที่ 4 ของโลก ต่อจากที่พัทยา มุยเน และดูไบ 

ในไตรมาส 1 ปี 2568 เครือเซ็นทารามีแผนจะเปิดให้บริการโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูขนาด 142 ห้องพักเป็นลำดับถัดไป เมื่อรวมกับ 2 แห่งแรกที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน จะทำให้ในปีหน้าเครือเซ็นทารามีโรงแรมถึง 4 แห่งในมัลดีฟส์ คิดเป็นจำนวนห้องพักรวม 539 ห้องพัก

ขณะเดียวกันยังมีโรงแรมระดับเรือธงอีก 2 แห่งที่จะปรับโฉมครั้งใหญ่ในปีนี้ ได้แก่ เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต ขนาด 335 ห้องพัก และเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ขนาด 553 ห้องพัก

ด้านกลยุทธ์การรีแบรนด์ เครือเซ็นทาราได้ประกาศรีแบรนด์ “เซ็นทรา บาย เซ็นทารา” ให้เป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” ในช่วงปลายปีที่แล้ว และมีแผนจะรีแบรนด์ “เซ็นทารา บูติก คอลเลกชัน” ต่อเนื่องในปีนี้อีกด้วย

นอกจากนี้ ในปี 2568 เซ็นทารามีแผนจะรีโนเวตโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน บีช รีสอร์ท หลังจากได้ดำเนินการต่อสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เรียบร้อยแล้ว โดยมีแผนจะใช้งบลงทุนราว 1,700 -2,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการในปี 2568 ใช้เวลา 2-3 ปี ซึ่งจะปรับปรุงห้องพักใหม่ และศึกษาที่จะสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาวในพื้นที่ดังกล่าวด้วย

 

อัดงบลงทุน 3 ปี กว่า 1.3 - 2 หมื่นล้านบาท

นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนลงทุนของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ในช่วง 3 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2567-2569 วางกรอบเงินลงทุนอยู่ที่ 13,000-20,000 ล้านบาทสำหรับธุรกิจโรงแรมและอาหาร ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในธุรกิจโรงแรม ขณะที่ธุรกิจอาหารจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี

เฉพาะในปี 2567 ใช้เงินลงทุนรวม 6,670 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในส่วนของโรงแรม 5,670 ล้านบาท ไฮไลต์คือการลงทุนพัฒนาโรงแรม 2 แห่งใหม่ในมัลดีฟส์ 3,200 ล้านบาท ส่วนการรีโนเวตเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา อยู่ที่ 1,020 ล้านบาท รีโนเวตโรงแรมเซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต 600 ล้านบาท ค่าเช่าสำหรับโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน บีช รีสอร์ท 150 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายปกติสำหรับโรงแรมอื่นๆ ในเครืออีก 700 ล้านบาท

ในปี 2568 ใช้เงินลงทุนรวม 3,630 ล้านบาท หลักๆ เป็นการลงทุนโรงแรมในมัลดีฟส์จำนวน 1,370 ล้านบาท รีโนเวตเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา 50 ล้านบาท รีโนเวตโรงแรมเซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต 30 ล้านบาท รีโนเวตโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน 550 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายปกติสำหรับโรงแรมในเครือ 860 ล้านบาท ส่วนในปี 2569 มีค่าใช้จ่ายปกติฯ อยู่ที่ 500 ล้านบาท 

“การลงทุนหลักๆ ของ CENTEL ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ จะใช้เงินลงทุน 13,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนธุรกิจโรงแรม โดยตั้งกรอบวงเงินลงทุนไว้สูงสุดที่ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากส่วนเพิ่มอีก 7,000 ล้านบาท จะเป็นแผนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่กำลังพิจารณา อย่างเช่น พื้นที่ในมัลดีฟส์ สามารถสร้างโรงแรมได้ถึง 5 แห่ง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2 แห่งใหม่ มองว่าอาจสร้างโรงแรมเพิ่มได้อีกในพื้นที่ลากูน นอกจากนี้ยังมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ดูไบ ในการขยายห้องพักโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ เพิ่มได้อีก 200 ห้องพัก รวมถึงโรงแรมอื่นๆ ที่ต้องใช้งบรีโนเวตและรีแบรนด์เพิ่มเติม”

 

CENTEL ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.9 หมื่นล้าน

สำหรับรายได้รวมจากธุรกิจโรงแรมและอาหารของ CENTEL ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 22,547 ล้านบาท เฉพาะรายได้จากธุรกิจโรงแรมในปีนี้ตั้งเป้าที่ 12,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9,932 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว

แนวโน้มธุรกิจในปี 2567 เครือเซ็นทาราคาดการณ์ว่าจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย (รวมโรงแรมร่วมทุน) อยู่ที่ 70-73% ทำราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ให้ได้ 5,500-6,000 บาทต่อคืนตามเป้าหมาย และมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) อยู่ที่ 4,300 บาทต่อคืน 

“ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ แนวโน้มธุรกิจโรงแรมอยู่ในทิศทางบวก หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นกว่า 15%”

ทั้งนี้ ลูกค้าหลักของเซ็นทารา พบว่ามีคนไทยเข้าพักมากเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 13% รองลงมาคือ รัสเซีย 10% จีน 8% สหราชอาณาจักร 7% ออสเตรเลีย 5% อินเดีย 5% และเกาหลีใต้ 4

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...