หุ้นอินเดียผงาด หลังเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก

ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสการลงทุน มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่โตเร็วที่สุดในโลก ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากร มีศักยภาพการเติบโตสูง

วจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสของผู้ลงทุน โดยมีปัจจัยด้านโครงสร้างประชากร ตลาดแรงงานที่เติบโตได้ดี การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของประเทศอินเดีย

ทั้งนี้ อินเดียเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก โดยคาดการณ์ GDP ปี พ.ศ.2567 ไว้ที่ 7.6% ซึ่งการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้จ่ายภายในประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ “Atmanirbhar Bharat หรือ อินเดียที่พึ่งพาตนเอง” ประกอบกับอินเดียมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากรเป็นอย่างมาก โดยอยู่ในวัยทำงานมากถึง 68% จึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกมากในอนาคต 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดหุ้นอินเดียมีระดับมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ที่ค่อนข้างสูง แต่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงขยายตัวได้ดี ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีได้ในระดับที่น่าสนใจ 

ทั้งนี้ แนะนำให้มีกองทุนหุ้นอินเดียเป็นหนึ่งในกองทุนหลักของพอร์ตการลงทุน หรือ Core Portfolio ในสัดส่วนประมาณ 4% ล่าสุดได้จัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ที่เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย ชื่อว่า กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KINDIARMF มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Goldman Sachs India Equity Portfolio Class I Shares (Acc.) การันตีผลการดำเนินงานของกองทุนด้วย Morningstar Overall Rating 4 ดาว 

ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี และเติบโตสูง อาทิ ICICI Bank ธนาคารเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย, Infosys บริษัทผู้ให้บริการด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย, Tata Motors ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอินเดีย และ Sun Pharma บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นต้น โดยเน้นเข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แบ่งสัดส่วนเป็นหุ้นขนาดเล็ก และกลาง 48% และหุ้นขนาดใหญ่ 47% เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (ข้อมูล ณ 30 พ.ย.66)

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...