เปิดยุทธศาสตร์ 'อายิโนะโมะโต๊ะ' วางงบ 3,000ล้าน สู่ความยั่งยืน

อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ได้เข้ามาปักหลักธุรกิจอยู่ในประเทศไทยร่วมกว่า 63 ปีแล้ว ได้มีการเปิด แผนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของบริษัทในปี 2567 ในด้านความยั่งยืนในปี 2573 ของกลุ่มบริษัท พร้อมเปิดโรงงาน อายิโนะโมะโต๊ะ ที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่ถือเป็นต้นแบบโรงงานสีเขียวตามกระบวนการรักษ์โลก

โดยมี “เค็นจิ ฮะระดะ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย “นัฏทพนธ์ พานิชดี” ผู้จัดการโรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วย “โคะเฮ อิชิกะวะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแถลงวิสัยทัศน์

ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนปี 2573 ของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ได้เตรียมงบลงทุนไว้ 3,000 ล้านบาท ระหว่างปัจจุบันจนถึงปี 2573 เพื่อการปรับใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีการผลิตสูงขึ้น พร้อมลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งไปสู่ความยั่งยืน

รวมถึงการปรับโรงงานไปสู่โรงงานสีเขียว จากปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีโรงงานในประเทศไทย 9 โรงงาน ได้มีการปรับระบบต่างๆ และเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงสร้างโรงงานต้นแบบสีเขียว กับ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ที่จังหวัดกำแพงเพชร” พร้อมวางเป้าหมายจะปรับโรงงานทั้งหมดให้ครบภายในปี 2573

“เค็นจิ ฮะระดะ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนปี 2573 ของกลุ่มบริษัท ได้มุ่งนำ “ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน” (AminoScience) มาสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ร่วใสร้าง Well-being หรือ “การอยู่ดีมีสุข” ตามพันธกิจ ของบริษัทที่มุ่งสร้างสุขภาพดีให้กับผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก

ทั้งนี้วางเป้าหมายมุ่งนำเสนอกรดอะมิโน ไปสู่ผู้บริโภค โดย “กรดอะมิโน” ถือเป็นแกนกลางสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท คือ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ พร้อมขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คือ อะมิโนไวทัล (BCAAs) ร่วมช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อสำหรับนักกีฬาและผู้ที่รักการออกกำลังกาย รวมถึง อะมิโนมอฟ (ลิวซีน) มีผลช่วยเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวในผู้สูงอายุ

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทได้วางงบประมาณ 3,000 ล้านบาทในการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน ผ่านกลุ่มบริษัทในเครือ นับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2573 

"บริษัทยังคงมุ่งวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมความอยู่ดี มีสุขให้แก่ผู้คนทั่วโลกผ่านองค์ความรู้ในด้านศาสตร์แห่งกรดอะมิโนของบริษัท"

ทั้งนี้ บริษัทได้มีแผนการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตในโรงงาน การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน การต่อยอดสู่ภาคครัวเรือน และภาคเกษตรกรรม ที่อยู่ภายใต้แนวคิด “Ajinomoto Biocycle” เพื่อมุ่งสู่องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ บรรลุเป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลง 50% ได้สำเร็จ ภายในปี 2573

ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนในปี 2573

ทั้งนี้วางแนวทาง 5 ด้านประกอบด้วย 1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% 2. ดูแลรักษาแหล่งน้ำ 80% 3. ลดขยะพลาสติกให้เป็นศูนย์ ด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล 4. ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต 5. จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนทั้ง 100% จึงเกิดเป็นผลการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม ในหลายด้านทั้ง

• ภาคการผลิตในโรงงาน เช่น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 380,000 ตันต่อปี การลดใช้น้ำและพลาสติกจากการดำเนินงาน การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้เป็นวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ได้ถึง 70% หรือประมาณ 1,300 ตัน นอกจากนี้ ยูนิฟอร์มของพนักงานอายิโนะโมะโต๊ะยังถูกผลิตขึ้นจากขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้ว จึงร่วมลดปริมาณขยะพลาสติกที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้คือการดำเนินงานของบริษัท เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ
• ภาคการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นพิจารณาเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ที่เกี่ยวเนื่องกับการได้มาซึ่งวัตถุดิบหรือสินค้าในห่วงโซ่อุปทาน โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการดำเนินการเลือกใช้กระดาษที่ผ่านการรับรอง FSC ได้ทั้งหมด 100% การเลือกใช้น้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์จากปาล์ม ที่ผ่านการรับรอง RSPO กว่า 100% และการเลือกใช้เนื้อหมูที่ได้จากการเลี้ยงที่คำนึงถึง Animal welfare
• ภาคครัวเรือน จัดโครงการ “Too Good To Waste กินหมดลดโลกร้อน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการร่วมลดขยะอาหารแก่ผู้บริโภคผ่าน “สูตรอาหารรักษ์โลก”
• ภาคเกษตรกรรม ต่อยอดองค์ความรู้ด้านกรดอะมิโน ผ่านผลิตภัณฑ์ร่วมที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรส เข้าไปสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถผลิตผลผลิตได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Ajinomoto Biocycle” ซึ่งเป็นแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต

เปิดโรงงานกำแพงเพชรต้นแบบความยั่งยืน

"นัฏทพนธ์ พานิชดี" ผู้จัดการโรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ จังหวัดกำแพงเพชร เผยว่า “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ กำแพงเพชร" เป็นฐานการผลิตสำคัญของผลิตภัณฑ์ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ตราถ้วยแดง เจาะกลุ่มในประเทศและการส่งออก ในสัดส่วน 50% เท่ากัน รวมถึงการผลิต อายิไทด์ I+G (Ajitide I+G) เสริมประสิทธิภาพของกลิ่นและรสสูงมาก เป็นฐานในการส่งออกไปถึง 93% ใน 40 ประเทศทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต และเป็นโรงงานแห่งเดียวที่มีอยู่ในโลก

สำหรับโรงงานมีพื้นที่ประมาณ 1,250 ไร่ มีการใช้พื้นที่ไปแล้วโรงงาน 425 ไร่ หรือประมาณ 35% พื้นที่สีเขียว ในปัจจุบันมีนักงานทั้งหมด 833 คน อายุเฉลี่ย 39 ปี พนักงานในพื้นที่ 93% อยู่ในกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิษณุโลก รวมถึงเป็นโรงงานที่ ไม่มีพนักงานญี่ปุ่นเป็นผู้บังคับบัญชา 

ทั้งนี้ได้วางนโยบายสู่การเป็นต้นแบบโรงงานสีเขียว พร้อมได้รับการรับรอง Green Industry ระดับสูงสุดในช่วงปี 2566 จากภาครัฐ พร้อมมีการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าความร้อนชีวมวล ด้วยเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท จึงช่วยในการลดการซื้อไฟฟ้า 40% ส่วนอีก 60% ซื้อจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคลง พร้อมมีการใช้แกลบในการผลิตและมีการปั่นกระแสไฟฟ้าใช้ในโรงงาน จากเดิมใช้น้ำมันเตาในการผลิต

อีกทั้งวางยุทธศาสตร์การผลิตไปสู่ความยั่งยืน ลดการใช้พลังงานลงต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมใช้ระบบบริษัทบริหารจัดการน้ำ ตามแนวทาง 3Rs ทั้ง Reduce Reuse Recycle มาใช้จัดการ พร้อมร่วมคืนน้ำที่มีความสะอาดไปสู่ระบบ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ