ตลท.ลุ้นกำไรบจ.-จีดีพีโค้งแรกฟื้น ดันดัชนี ลุยโรดโชว์ตปท. เรียกเชื่อมั่น

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน มี.ค. ยังรอดูปัจจัยพื้นฐานดี ทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี2567 ที่จะประกาศในเดือนพ.ค.จะชี้แนวโน้มตลาดทั้งปีนี้ ซึ่งปัจจัยพื้นฐานทิศทางเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัว พ.ร.บ.งบประมาณผ่านแล้ว น่าจะเริ่มเบิกจ่ายในช่วงเดือน เม.ย.เป็นต้นไป  และช่วงที่ผ่านมาการส่งออกและท่องเที่ยว เริ่มฟื้นตัวดี เงินทุนสำรองธนาคารพาณิชย์แข็งแกร่ง สภาพคล่องยังสูงรองรับการระดมทุน 

ทางด้านแนวโน้มเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ขึ้นกับปัจจัยการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด  ตลาดคาดว่าเฟดไม่น่าจะลดดอกเบี้ยเร็ว ราว 3-4 ครั้งในปีนี้ ทำให้เริ่มเห็นกระแสฟันด์โฟลว์ ออกจากประเทศขนาดใหญ่ ไหลกลับเข้าตลาดเกิดใหม่  แต่ยังเป็นมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวังอยู่  

 


       

 

 
 

"ปัจจัยในประเทศ มีหลายปัจจัยเป็นตัวกำหนด ทั้งกำไรบจ. และดอกเบี้ยนโยบายไทย หากมีสัญญาณที่สร้างความมั่นใจ คาดว่าจะดึงดูดฟันด์โฟลว์เข้ามาได้ ด้วยราคาหุ้นไทยที่ 14-15 เท่า ถือว่าดีกว่าตลาด และช่วงที่ผ่านมานี้ ทั้ง ส่งออก และท่องเที่ยว เริ่มกลับแล้ว จะทำให้กำไรบจ.ไตรมาส 1 ปี2567 ฟื้นกลับมาด้วยหรือไม่ หากกลับมา ช่วยดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ ช่วยหนุนดัชนี ปรับขึ้นต่อไปได้ " 

นายภากร กล่าวว่า หลังจากนี้  ตลท.เตรียมเดินสายแนะนำข้อมูลตลาดหุ้นไทย (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดและเพิ่มสัดส่วนความหลากหลายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

สำหรับประเทศ ตลท.ที่จะเดินทางไปโรดโชว์หลังจากนี้ ได้แก่ กลุ่มตะวันออกกลาง,สิงคโปร์,อังกฤษ,ฮ่องกง และสหรัฐฯ ซึ่งจะไปสร้างความเชื่อมั่นและอัพเดตข้อมูลว่าตลาดหุ้นไทยมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง

จากช่วงที่ผ่านมา ตลท.ได้เข้าไปโรดโชว์ที่ประเทศออสเตรเลียจำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1.การประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) ซึ่ง ตลท.ได้ไปร่วมให้ข้อมูลกับกองทุนขนาดใหญ่ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 2 ล้านล้านบาท และ 2.งานอาเซียน - CEO โรดโชว์ ซึ่งเป็นกิจการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ 6 แห่งในอาเซียนร่วมกันจัดขึ้นที่เมืองเมลเบิร์น ซึ่งมีกองทุนจากประเทศออสเตรเลียร่วมงานจำนวน 17 กองทุน หรือมีมูลค่า AUM รวมกว่า 6 ล้านล้านบาท

มองว่า กองทุนกลุ่มนี้ ลงทุนหุ้นไทยบ้าง แต่ยังมีมูลค่าไม่มากนัก นับเป็นโอกาสสำคัญของตลท.ที่จะดึงดูดฐานผู้ลงทุนกลุ่มนี้ที่ต้องการเปลี่ยนการลงทุนในจีนมาลงทุนในอาเซียนมากขึ้น ธีมการลงทุนที่สนใจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเฮลแคร์,เวลบีอิ้ง,กรีนเอนเนอร์ยี่,โซลาร์ การประหยัดพลังงาน บริษัทที่มีผลคะแนน ESG ค่อนข้างดี ได้รับความสนใจจำนวนมาก  

"เศรษฐกิจไทยตอนนี้เริ่มฟื้นตัว เห็นนักลงทุนต่างชาติ เริ่มกลับมาสนใจประเทศที่ในอดีตเขายังลงทุนค่อนข้างน้อยอยู่ ในอาเซียนและไทยเป็นกลุ่มที่นักลงทุนในออสเตรเลียยังให้ความสนใจในอดีตไม่มากนัก  แต่เมื่อเราโรดโชว์เรื่อง well beingหรือ พลังงานทดแทน ได้รับความสนใจจำนวนมาก และอาจต้องกลับไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับอินฟราสตักเจอร์ และการลงทุนที่อยู่ในพอร์ตกับนักลงทุนออสเตรเลียอีกครั้ง ถือเป็นเรื่องดีต่อตลาดหุ้นไทยที่จะมีตลาดใหม่ๆของนักลงทุนต่างชาติมาสนใจหุ้นไทยมากขึ้น"

ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 50% ถือว่าค่อนข้างสูงกว่าอดีต อยู่ที่ระดับ 35-40% เป็นผลจากที่ตลท.ขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศได้เร็วไม่ทันกับฐานนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งวอลุ่มการซื้อขายของทั้งสองกลุ่มไม่ได้ลดลง แต่เพิ่มขึ้นในระดับที่ค่อนข้างต่างกัน เพราะว่าฐานนักลงทุนต่างชาติโตเร็วมาก จากการไปโรดโชว์ต่างประเทศๆ จะเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมาก แตกต่างจากการสร้างฐานผู้ลงทุนในประเทศที่เป็นรายย่อย กำลังพัฒนาการซื้อขาย  ทำวอลุ่มที่เข้ามายังไม่มากนัก 

 "เราถือว่า ประสบความสำเร็จมากเกินไปในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ฉะนั้นจึงต้องกระจายฐานนักลงทุนต่างชาติให้มากขึ้น โดยกลุ่มผู้ลงทุนจากออสเตรเลียและกลุ่มตะวันออกกลางถือเป็น 2 ตลาดใหม่ ตลท.มีความตั้งใจจะขยายฐานนักลงทุนให้หลากหลายขึ้น เพราะการมีนักลงทุนที่หลากหลายขึ้น เราคาดว่าจะเกิดวิธีการลงทุนที่ไม่เหมือนเดิม "

ส่วนมาตรการดูแลและกำกับบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) นั้น  นายภากร กล่าวว่า ปัจจุบันก็เร่งดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) เพื่อนำมาปรับปรุงและยกระดับมาตรการกำกับและดูแลใหม่ๆ ต่อไป เบื้องต้นหากว่าส่วนไหนที่สามารถนำออกมาใช้ได้ก็ก็จะเริ่มใช้เลย แต่อย่างไรก็ดีคาดว่าจะได้เห็นการนำเอามาตรการใหม่ๆมาเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท.กล่าวว่า ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 67 ไปอยู่ที่ 2.2 – 3.2%

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมาจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรของบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ราคาหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวเริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทั้งในและต่างประเทศ นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนเข้าซื้อหุ้นตามธีม High Dividend เพราะนอกจากจะได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (Passive Income) หุ้นกลุ่มนี้ยังมีผลตอบแทนชนะ SET Index อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหุ้น High Dividend ยังมีคุณลักษณะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) โดยสังเกตจากค่า Beta ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...