อยากรวย Top 1% ต้องมีเงินเท่าไร? ‘โมนาโก’ ยืนหนึ่งเฉียด 500 ล้านบาท

สำนักข่าวบิซซิเนส อินไซเดอร์ (Business Insder) รายงาน (1 มี.ค.) ว่า หากคุณต้องการเป็นมหาเศรษฐีที่รวยในที่สุด 1% แรกของประเทศ คุณต้องมีเงินอย่างน้อย 5.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 214.6 ล้านบาท) สำหรับสหรัฐอเมริกา ซึ่งจำนวนเงินยังน้อยกว่าการเป็นมหาเศรษฐี 1% แรกในประเทศโมนาโกประมาณครึ่งหนึ่ง

โดย รายงาน 2024 Wealth Report จากไนท์แฟรงค์ (Knight Frank) นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ยอดเงินที่คุณจำเป็นต้องมีหากต้องการจะเป็นมหาเศรษฐี1% แรกในโมนาโกคือ 12.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 477.3 ล้านบาท) ตามด้วยลักเซมเบิร์กที่ 10.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 399.6 ล้านบาท) สวิตเซอร์แลนด์ที่ 8.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 314.5 ล้านบาท) และสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่สี่คือ 5.813 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 215.081 ล้านบาท)

ไนท์แฟรงค์รายงานว่า ในปีที่แล้วคุณต้องมีเงินอย่างน้อยเพียง 5.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 188.7 ล้านบาท) เท่านั้นในการเข้าร่วมสมาคมผู้ที่มีความมั่งสูงที่สุด 1% แรกของประเทศแต่ด้วยเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ปีนี้ยอดเงินเพิ่มสูงขึ้นกว่า 15% ภายใต้มาตรฐานการคำนวณทั้งจากการลงทุน เงินสด และทรัพย์สิน เช่น ที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการบุกเข้าไปใน 1% แรกนั้นง่ายกว่าการเป็นบุคคลที่ที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูงเป็นพิเศษ (Ultra-high Net Worth Individual) หรือ UHNWI ซึ่งไนท์แฟรงค์กําหนดว่าต้องมีมูลค่าสุทธิอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,110 ล้านบาท) ปัจจุบันมีผู้คน 627,000 คนทั่วโลกที่มีสถานะ ดังกล่าว โดยเพิ่มขึ้น 4.2% ในปี 2023 และ 7.2% ในอเมริกาเหนือ

โดยไนท์แฟรงค์ยังคาดการณ์ว่าจํานวนผู้มั่งคั่งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 28% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยได้แรงหนุนจากอินเดียและจีนแผ่นดินใหญ่

"แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ดีขึ้น ผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดตราสารทุนช่วยสร้างความมั่งคั่งทั่วโลก" เลียม เบลีย์ (Liam Bailey) หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของไนท์แฟรงค์กล่าว

ชาวอเมริกันกําลังร่ำรวยขึ้น การสํารวจการเงินผู้บริโภคของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) พบว่าระหว่างปี 2019 ถึง 2022 มูลค่าความมั่งคั่งสุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 192,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.14 ล้านบาท) เมื่อรวมกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเพิ่มขึ้น 37% โดยได้แรงหนุนจากราคาบ้านและราคาหุ้นที่สูงขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยคาดว่า คนรุ่นมิลเลนเนียล จะกลายเป็นรุ่นที่ร่ำรวยที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยมีการโอนทรัพย์สินมูลค่า 90 ล้านล้านดอลลาร์ระหว่างคนรุ่น Silent Generation (เกิดในช่วงปี 1925-1945) และคนรุ่น Baby Boomer Generation (เกิดในช่วง 1946-1964) ไปยังคนรุ่นใหม่ในอีกสองทศวรรษข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและยากจน และในประเทศต่างๆ เช่น โมนาโกยังคงเป็นสวรรค์ของคนรวยเพราะอานิสงส์จากกฎหมายภาษี

อ้างอิง

Business Insider 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...