‘สีหนุวิลล์’ พัฒนาแบบพึ่งพาทุนจีน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

นอกจากไทยและกัมพูชาจะมีความใกล้ชิดกันทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนแล้ว ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการของนักการเมืองและรัฐบาลนั้น ย่อมนำมาซึ่งข้อดีในเชิงผลประโยชน์ร่วมกัน และอาจนำมาซึ่งข้อเสียในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อนหรือแม้กระทั่งเกิดคำถามถึงความโปร่งใสในนโยบาย และการตัดสินใจต่าง ๆ ของรัฐ

ไม่นานมานี้ นายกฯ คนใหม่ของกัมพูชาได้เดินทางเยือนไทย และหนึ่งในหมุดหมายสำคัญในการเยือนครั้งนี้คือ เรื่องของการแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งเชื่อว่ามีทรัพยากรก๊าซธรรมชาติอยู่มหาศาลเพียงพอที่อาจจะทำให้นโยบายลดค่าครองชีพเรื่องค่าไฟแพง ซึ่งเป็นนโยบายที่ตรงกันของทั้งสองประเทศสามารถทำได้จริง

หากดีลนี้สำเร็จเป็นรูปธรรมขึ้นได้ อาจจะสามารถเรียกคะแนนเสียงและความนิยมและความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวนายกฯ ใหม่ของทั้งสองประเทศ

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยพูดถึงแต่ไม่ควรมองข้ามและควรทำให้เป็นวาระแห่งชาติ คือปัญหาฝุ่นพิษ ที่ประชาชนทั่วทั้งภูมิภาค ไม่เพียงเฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่คนกัมพูชา เมียนมา ลาวก็จำต้องสูดอากาศพิษที่เกิดจากการเผาไหม้เพื่อเตรียมพื้นที่ในการเพาะปลูกซึ่งถือเป็นวิธีที่ถูก ตอบโจทย์เอื้อแก่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และทำกันมานมนาน จนแทนจะเรียกได้ว่าเป็นปกติ

ส่วนประเด็นที่เราสมควรเรียนรู้จากกัมพูชาก็คือ การเลือกข้างและพึ่งพิงทุนจากประเทศใดประเทศหนึ่งจนเสียสมดุล

หากจะพูดให้ตรงไปตรงมาและชัดเจนก็คือ “การพึ่งพาทุนจีน” อันเนี่องจากมาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างอดีตนายกฯ กัมพูชากับจีน ทั้งนักธุรกิจและนักการเมือง และกรณีศึกษาที่ชัดเจนเห็นภาพที่สุดก็คือ การพัฒนาที่รวดเร็วก่อนการหยุดชะงักเพื่อพัฒนาต่อของเมืองตากอากาศริมทะเล สีหนุวิลล์

ในอดีตนั้น สีหนุวิลล์เคยเป็นเมืองตากอากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงพนมเปญ การตั้งอยู่บนอ่าวไทย ทำให้มีทัศนียภาพมีความสวยงามของธรรมชาติ หาดทรายและทะเลไม่ต่างจากจังหวัดตราดของไทย สวยไม่ด้อยไปกว่าเกาะช้าง เกาะกูด หรือแม้กระทั่งเกาะฟูก๊วก ที่เป็นเกาะที่สวยงามไฮโซและเจริญที่สุดของเวียดนามที่อยู่ในอ่าวไทย หรือพูดง่าย ๆ หากไทยมีเกาะสมุย เวียดนามก็มีเกาะฟูก๊วก

กัมพูชาเลือกเข้าร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ One Belt One Road ของจีน และสีหนุวิลล์ก็คือหนึ่งในเมืองสำคัญ เพราะนอกจากความสวยงามและเมืองยังมีท่าเรือน้ำลึก ซึ่งเป็นผลดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจและเชิงยุทธศาสตร์ทหาร เมื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลถาโถมเข้าสู่สีหนุวิลล์ทั้งจากภาครัฐที่สนับสนุนกัมพูชาในการพัฒนาในเชิงโครงสร้าง เช่น การสร้างถนนใหม่ที่เชื่อมสีหนุวิลล์กับพนมเปญ การสร้างโรงไฟฟ้า ท่าเรือ และเงินจากภาคเอกชนที่เข้ามาลงทุนทั้งกาสิโน ทั้งอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ

เม็ดเงินจำนวนมากที่ไหลท่วมสีหนุวิลล์อย่างรวดเร็วนี้ ได้เปลี่ยนรูปแบบของเมืองตากอากาศที่เคยเงียบสงบ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีแหล่งบันเทิงครบวงจร เกิดการพัฒนาที่ดิน เกิดสิ่งปลูกสร้าง เกิดกาสิโนขึ้นมากมาย โดยกัมพูชาหวังใจและดันเมืองนี้อย่างสุดแรงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

แต่ราคาที่สีหนุวิลล์ต้องจ่ายนั้นเรียกได้ว่า “สาหัส” เพราะสไตล์การเข้ามาลงทุนของจีน หากพูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เปรียบเหมือนเข้ามาเซ้งพื้นที่ทำมาหากิน การยกระดับสีหนุวิลล์ขึ้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้จีนมีอำนาจไม่น้อยไปกว่ากัมพูชาในการกำหนดทิศทางของเมือง ทั้งเรื่องของเอกสิทธิ์ที่ดิน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานของคนจีนในแถบนี้

แต่ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นเพียงราคาที่สีหนุวิลล์จำต้องจ่ายในก้อนแรกเท่านั้น สีหนุวิลล์และคนกัมพูชาจำต้องแลกอีกหลายสิ่งเพื่อสร้างความเจริญให้เมืองนี้ ซึ่งผมจะมาเล่าให้ฟังต่อในสัปดาห์หน้า

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...