คนดีผู้จากไป

มีขุนทหารมากมายในกองทัพและ แผ่นดินไทย ซึ่งไม่เพียงมีบทบาทอยู่ภายในรั้วทหาร ยังมีสถานภาพทางสังคมในภายนอก แล้วแต่จังหวะและโอกาสที่แตกต่างกันไป แน่นอนในสายงานอาชีพแห่งความเป็น “ทหาร” ย่อมต้องมีภารกิจหน้าที่ ในการปกป้องประเทศชาติ และช่วยเหลือประชาชน ภายใต้ระเบียบวินัย และสายงานการบังคับบัญชา ที่เคร่งครัด

กว่าจะเติบใหญ่ ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ ด้วยความสง่างาม ไม่มีประวัติด่างพร้อย และได้รับการยอมรับอย่างจริงใจจากผู้ใต้บังคับบัญชา โดยไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย บุคคลผู้นั้นต้องดำรงอยู่อย่างมี “คุณธรรม และความดี” เป็นที่ตั้ง ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน

แต่ผู้มีคุณสมบัติเช่นนี้ย่อมมี “พี่เภา” พล.อ. สำเภา ชูศรี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหนึ่ง ในนั้น

การจากไปของ พล.อ.สำเภา ชูศรี ในวัย 82 ปี ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อวันที่ 20 ม.ค. หลังจากท่านล้มป่วย และรักษาตัวมาระยะหนึ่ง นับเป็นการสูญเสียของครอบครัว ตลอดจนเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายของ “พี่เภา” และไม่เพียงสังคมคนในกองทัพเท่านั้น ในบทบาทอื่นๆ พล.อ.สำเภา ชูศรี ยังเป็นที่รักและ เคารพกับผู้คนมากมาย รวมทั้งสังคมคนกีฬาด้วย

หลายคนอาจจะหลงลืม และหลายคนคงไม่รู้มาก่อน โดยเฉพาะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

พล.อ.สำเภา เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์กีฬาไทย ย้อนหลังไปสมัยยังเป็นสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น สมาคมกีฬามวยสากลฯในปัจจุบัน ยุคที่มี “บิ๊กเหวียง” พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เข้ามาเป็นนายกสมาคมเมื่อปี 2534

จากนั้นราวๆปี 2537 พล.ท.สำเภา ชูศรี (ยศในขณะนั้น) ก็เข้ามาร่วมงาน ในฐานะอุปนายกสมาคมมวยฯ อันมีภารกิจสำคัญในการล่าเหรียญทอง โอลิมปิก เหรียญแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยตั้งเป้าไว้ที่โอลิมปิก แอตแลนตา 1996 ช่วงเวลานั้นมีคีย์แมนหลักที่มารวมพลังกัน มีทั้ง “บิ๊กวอ” วรวุฒิ โรจนพานิช, “เสธ.ทวีป” พ.อ.ทวีป จันทรโรจน์ (ยศขณะนั้น), “บิ๊กเตี้ย” อำนาจ สุนทรวัฒน์ และอีก หลายๆท่าน เข้ามาร่วมแรงร่วมใจทำงานกันอย่างหนัก

ทีมมวยสมัครเล่นมีการเตรียมตัวกันมาต่อเนื่อง ช่วงก่อนแข่งขัน “พี่เภา” ได้รับมอบหมายให้ไปเป็น แม่ทัพส่วนหน้า ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 26 ที่เมือง แอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1996 หรือ พ.ศ.2539

ซึ่งท่านต้องไปปักหลักอยู่ที่แอตแลนตาร่วมกับ ทีมโดยตลอด ยุคนั้นมวยสากลสมัครเล่น ยังมี “ไอบา” เป็นองค์กรกำกับดูแล และควบคุมการจัดการแข่งขัน มีประธานชื่อ อันวาร์ ชอร์ดรี เป็นผู้บงการสูงสุดและ การขับเคี่ยวแย่งชิงเหรียญทองโอลิมปิกตอนนั้น ไม่เพียงนักมวยต้องฝีมือเยี่ยม แต่การต่อสู้ตามกลไกของ “ไอบา” ในมิติต่างๆที่ต้องมีกลยุทธ์ ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กัน และ “พี่เภา” หัวเรือใหญ่ในที่นั้นก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

จนสมรักษ์ คำสิงห์ คว้าเหรียญทองเหรียญแรก ให้ประเทศไทยมาได้สำเร็จ แถมด้วยวิชัย ขัดโพธิ์ ได้เหรียญทองแดงมาด้วย เป็นสองเหรียญที่ยิ่งใหญ่ ของทีมมวย

หลังฉลองเหรียญทองโอลิมปิกผ่านไป พล.อ.สำเภา ชูศรี ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ แทน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร และอีก 4 ปีต่อมา ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 27 ที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ปี 2000 “พี่เภา” คนนี้ก็ยังไปร่วมกำกับดูแล อยู่ที่นั่น และนำชัยชนะกลับมาให้คนไทยอีกครั้ง

เมื่อ วิจารณ์ พลฤทธิ์ ในวันนั้น ก่อนจะมาเป็น พ.ต.ท.วิจารณ์ในวันนี้ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญที่สองให้ประเทศชาติ เป็นตำนานของจุดเริ่มต้นเหรียญทองโอลิมปิกประเทศไทย

คนกีฬาทั้งหลายรู้ดีว่าท่านเป็นคนเช่นไร เป็นสุภาพบุรุษแห่งกองทัพ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้คน คนกีฬาน้อมรับ ยกมือไหว้ และชื่นชมได้อย่างสนิทใจ

ทั้งหมดนี้เป็นบันทึกเสี้ยวเล็กๆของพี่เรา พล.อ.สำเภา ชูศรี คนดีผู้จากไป...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม