'ราช กรุ๊ป' ทุ่ม 860 ล้าน ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในเวียดนาม ขนาด 30 เมกะวัตต์

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Minh Luong ซึ่งเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว ขนาด 30 เมกะวัตต์ ในจังหวัดหล่าวกาย (Lào Cai) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม การลงทุนครั้งนี้ดำเนินการผ่านบริษัทร่วมทุน NEXIF RATCH Energy Investment Pte. Ltd. (NREI) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 49% โดยได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Minh Luong

ทั้งนี้ เป็นเงินจำนวนประมาณ 25 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 860 ล้านบาท จาก กลุ่มบริษัท Nam Tien Group เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งนี้เป็นแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of- the River) เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อปี 2561 โดยผลิตไฟฟ้าได้ประมาณปีละ 103.15 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าเวียดนามภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี

สำหรับการลงทุนครั้งนี้แสดงถึงความก้าวหน้าในการขยายฐานธุรกิจของบริษัทฯ ในเวียดนามโดยมี NREI เป็นแกนหลัก ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์ยี่ ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าในอาเซียนและเอเชีย แปซิฟิก การซื้อโรงไฟฟ้า Minh Luong ดังกล่าวบริษัทฯ จะรับรู้กำลังการผลิตเชิงพาณิชย์ 14.7 เมกะวัตต์ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในทางอ้อมแล้วยังทำให้กำลังการผลิตพลังงานทดแทนของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 2,947.93 เมกะวัตต์ คิดเป็น ร้อยละ 27.24 ของกำลังการผลิตรวม      

“บริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาและลงทุนในเวียดนามผ่าน NREI ซึ่งปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กำลังการผลิตติดตั้ง 12 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพัฒนาอีก 5 โครงการ ประกอบด้วยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 520 เมกะวัตต์ หากโครงการที่มีอยู่ทั้งหมดนี้สามารถเดินหน้าและก่อสร้างได้สำเร็จ จะทำให้พอร์ตการลงทุนพลังงานทดแทนของบริษัทฯ เข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ที่ 30% ของกำลังการผลิตรวมในปี 2573” นางสาวชูศรี กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังการลงทุนโรงไฟฟ้า Minh Luong บริษัทฯ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุน ในเวียดนาม รวม 266.19 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย กำลังผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 136.71 เมกะวัตต์ และพลังงานทดแทน 129.48 เมกะวัตต์    

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ