Huawei ดันยอดขายทั้งปี 66 โต 9% เฉียด 1 แสนล้านดอลล์ แม้สหรัฐออกมาตรการคุมหนัก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ยอดขายของบริษัท Huawei Technologies ปรับตัวสูงขึ้น 9% ในปี 2566 ซึ่งนับเป็นการปิดศักราชที่ดีสำหรับบริษัทเทคฯ จีนที่สามารถผ่านอุปสรรคการแข่งขันกับ Apple และการโดนกีดกันการค้ากับสหรัฐ ได้ด้วยพัฒนาการใหม่ที่ล้ำหน้าในเทคโนโลยีชิปเซมิคอนดักเตอร์

โดยการฟื้นตัวกลับมาในธุรกิจด้านสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ 5G ครั้งนี้ของ Huawei ส่งผลให้ยอดขายขยับตัวแตะระดับ 700,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 98,700 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ การเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ซึ่งใช้ชิป Kirin ที่ผลิตขึ้นโดย SMIC บริษัทชิปสัญชาติจีนก็เป็นอีกปัจจัยที่เน้นย้ำถึงความล้ำหน้า ท่ามกลางการกีดกันการเข้าถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐเพื่อลดทอนความสามารถในการแข่งขันของจีน

ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเทคฯ สัญชาติจีนดังกล่าวเคยถูกตัดออกจากการเป็นผู้เล่นหลักในตลาดสมาร์ตโฟน หลังสหรัฐยกเลิกสถานการณ์เป็น “ซัพพลายเออร์สินค้าชิป” ในปี 2562 ทว่าการกลับมาครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงวิธีการรับมือกับความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เป็นอย่างดี

ด้านเคน ฮู (Ken Hu) หนึ่งในผู้บริหารบริษัทฯ เปิดเผยผ่านจดหมายช่วงสิ้นปีว่า

“ตลอดหลายปีของการทำงานอย่างหนัก พวกเราฝ่าความท้าทายมาได้หลายอย่าง และตอนนี้เรากลับมายืนหยัดได้อย่างปกติตามแผนแล้ว ทั้งนี้ หนึ่งสิ่งที่ทุกคนต้องไม่ลืมคือการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่คือความผันผวนของวัฏจักรเศรษฐกิจโลกด้วย”

หลังจากที่สหรัฐยกเลิกสถานะซัพพลายเออร์สินค้าชิปของบริษัทฯ ทางการจีนก็เริ่มให้การสนับสนุน Huawei อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทโทรคมนาคมในประเทศจีนจำนวนมากปิดข้อตกลงทางการค้า 5G และระบบคลาวด์ นอกจากนี้หน่วยงานอื่นๆ ก็เข้าซื้อธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ไม่ดีจาก Huawei เพื่อลดความกดดันทางการเงิน

ด้านบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า สมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ได้ส่วนแบ่งตลาดเมื่อเทียบกับ iPhone 15 เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนส.ค. 2566 และ Huawei อยู่ในช่วงเดินหน้าไปสู่การเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในวงการชิปเซมิคอนดักเตอร์

ขณะที่ สมาคมผู้ประกอบการด้านเซมิคอนดักเตอร์สของจีน (Semiconductor Industry Association) เผยว่า  

Huawei พยายามสร้างเครือข่ายโรงงานผลิตชิปจากการสนับสนุนของภาครัฐด้วยเงินทุนกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์

ในปี 2567 Huawei จำเป็นจะต้องรับมือทั้งความกดดันจากฝั่งสหรัฐที่ต้องการควบคุมจีนอย่างต่อเนื่อง และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในโลกตลอดเวลา

แต่อีกหนึ่งความท้าทายของ Huawei คือการทำให้บริษัทฯ ตามให้ทันความเปลี่ยนแปลง เพราะชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่สำคัญต่อการผลิตชิปจะยิ่งหายากมากขึ้นไปอีก

เนื่องจากที่ผ่านมา จีน่า ไรมอนโด (Gina Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวเป็นนัยว่าจะ “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อรักษาความมั่นคงภายในประเทศไว้ หลังจากนักข่าวถามถึงแนวทางการโต้ตอบกับ Huawei ที่มีพัฒนาการด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง

Bloomberg 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...