อสังหาฯ จีนล่ม ทำลายความมั่งคั่งชนชั้นกลาง กระทบแรงงาน 5 ล้านคน เสี่ยงตกงาน

หลังจากเกิดวิกฤติการล่มสลายของอสังหาริมทรัพย์ในจีน ทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นลดลง 30% อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนลดลง 20% ถูกลดเงินเดือนลง 30%

โทมัส โจว (Thomas Zhou)  เจ้าหน้าที่การเงินวัย 40 ปีจากเซี่ยงไฮ้ สะท้อนถึงสภาพการเงินตลอดปี 2566 ยกให้ "การเงิน" เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในครอบครัว กล่าวว่า “มันน่าสะเทือนใจมาก” และสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตของเขายังคงดำเนินต่อไปคือ ความคิดที่จะรักษางานเพื่อที่จะได้เลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ได้

การตกต่ำของอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้นกำลังกวาดล้างความมั่งคั่งของ "ครอบครัวชนชั้นกลาง" ในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะเดียวกันต้องดิ้นรนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ หลังจากการล็อกดาวน์ Covid-19 เป็นเวลาหลายปี ซึ่งทำให้จำนวนการว่างงานเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ครัวเรือนชนชั้นกลางต้องคิดใหม่เกี่ยวกับลำดับความสำคัญของเงิน จนบางส่วนถอนตัวจากการลงทุนหรือขายสินทรัพย์เพื่อเพิ่ม “สภาพคล่อง”

หัวใจสำคัญของความมั่งคั่ง

หัวใจสำคัญของความมั่งคั่งของครอบครัวลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการล่มสลายของอสังหาริมทรัพย์ในจีน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างแพร่หลายต่อสังคมที่ทรัพย์สินของครอบครัว 70% ผูกติดอยู่กับทรัพย์สิน ราคาบ้านที่ลดลงทุกๆ 5% จะทำลายความมั่งคั่งด้านที่อยู่อาศัยไป 19 ล้านล้านหยวน (2.7 ล้านล้านดอลลาร์) ตามรายงานของ Bloomberg Economics

 Eric Zhu นักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg Economics กล่าวว่า มันอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสูญเสียความมั่งคั่งมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เว้นแต่จะมีตลาดกระทิงขนาดใหญ่ ที่ทำให้ความมั่งคั่งทางการเงินเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อาจชดเชยการสูญเสียความมั่งคั่งด้านที่อยู่อาศัยได้

แม้ว่าข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนแสดงให้เห็นว่าราคาบ้านที่มีอยู่ในปัจจุบันลดลงเพียงเล็กน้อย แต่หลักฐานจากตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ และผู้ให้บริการข้อมูลระบุว่าราคาบ้านลดลงอย่างน้อย 15% ในพื้นที่สำคัญในเมืองใหญ่ที่สุด

และมูลค่าของภาคอสังหาฯ อาจลดลงเหลือประมาณ 16% ของ GDP จีนภายในปี 2569 คิดเป็นประมาณ 20% ของ GDP ในปัจจุบัน ตามข้อมูลของ Bloomberg Economics ซึ่งจะทำให้ผู้คนประมาณ 5 ล้านคนหรือประมาณ 1% ของแรงงานในเมือง เสี่ยงต่อการว่างงานหรือมีรายได้ลดลง

การคุ้มครองความมั่งคั่ง

จากการสำรวจของ China Merchants Bank Co. และ Bain & Co พบว่าแม้แต่บุคคลที่มีรายได้สูงก็ยังหันมาให้ความสำคัญกับ "การคุ้มครองความมั่งคั่ง" เป็นหนึ่งในเป้าหมายทางการเงินหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 และการกล่าวถึง “การสร้างความมั่งคั่ง” ลดลง

ปีเตอร์ เบา (Peter Bao) ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในกรุงปักกิ่ง กำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้รอบคอบมากขึ้น จากการถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ ที่มีราคาลดลงครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 5 ล้านหยวน จากราคานิวไฮในช่วงปลายปี 2563 ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ย้ายทรัพย์สินบางส่วนไปยังกองทุนตลาดเงิน และผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ที่ต้องใช้การวิเคราะห์น้อยลง เพื่อรับความเสี่ยงจากการผันผวนในระยะสั้น และความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

ขณะเดียวกัน ประชาชนจีนหวังว่าเศรษฐกิจในประเทศ และตลาดทุนจะดีขึ้นภายในปี 2569 

ดานี่ หวาง (Dani Wang) วัย 35 ปี ได้ลบแอปพลิเคชันสำหรับการลงทุน และไม่มีแผนที่จะใช้เงิน 1 ล้านหยวนไปกับหุ้น และกองทุนหุ้น หรือแม้แต่เข้าไปดูราคาเคลื่อนไหว และเพิกเฉยต่อความผันผวนใดๆ ในการลงทุน Dogecoin ซึ่งเป็นหนึ่งในคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 50,000 หยวน เมื่อต้นปี 2565 ซึ่งตอนนี้ลดลงครึ่งหนึ่ง

 

อ้างอิง bloomberg 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...