‘ราคาพลังงาน’ โจทย์ท้าทายรัฐบาล

ประเทศไทยอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ท่ามกลางโลกที่ผันผวน มีปัจจัยลบเกิดขึ้นมากมาย คนไทยต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ที่เป็นตัวฉุดรั้งศักยภาพการก้าวเดินไปข้างหน้า อัตราค่าครองชีพที่สูงขึ้น ภาวะหนี้ครัวเรือน หนี้ภาคธุรกิจที่พุ่งสูงกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของประเทศ ที่ต้องอาศัย “ผู้กล้า” และมองปัญหาทุกมิติ ค่อยๆ คลายปมไปทีละเปลาะ

ปัญหาใหญ่ที่ถูกพูดถึงช่วงนี้ คือ ราคาพลังงาน ค่าไฟ ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต

มติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2566 มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปรและเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีกสำหรับเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 ที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย

เมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐาน 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย กลายเป็นเรื่องร้อน ที่จะสะเทือนต้นทุนทำธุรกิจต้นทุนการใช้ชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัญหาเรื่องโครงสร้างราคาพลังงาน นับเป็นเรื่องใหญ่ที่แม้รัฐบาลจะมีทีท่าที่จะเอาจริง และดูจะไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าไฟทีเดียว 4.68 บาทต่อหน่วย ทั้งยังมีแนวทางปรับลดราคาพลังงานเพื่อคลายความเดือดร้อนของประชาชน แต่หลายฝ่ายก็ยังมีความกังวล

หากแนวทางที่รัฐบาลใช้วิธีให้ภาครัฐทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แบกรับภาระเอาไว้เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา หลายฝ่ายก็มองว่ายังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทางนัก 

จากข้อมูล กกพ.คณะทำงานค่าเอฟที พบว่า หากรัฐบาลเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 อยู่ที่ 4.20 บาทต่อหน่วย จะทำให้ภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิง​ที่ กฟผ.แบกรับแทนประชาชนจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 13,950 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดสะสมของค่าเอฟที ค้างรับรวมเป็น 125,950 ล้านบาท จากที่เคยปรับลดลงมาเหลือที่ระดับ 95,777 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ การที่รัฐจะบีบให้ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยปรับเหลือ 4.20 บาทต่อหน่วย จาก 4.68 บาทต่อหน่วย เป็นการสั่งให้ กฟผ. ต้องขายไฟฟ้าต่ำกว่าราคาต้นทุน และต้องแบกภาระส่วนต่างเอาไว้

ดังนั้นนโยบายที่ให้ยืดระยะเวลาจ่ายคืนค่าเอฟทีค้างรับกับ กฟผ. เช่นนี้ จึงถูกมองว่า ไม่ใช่ทางออกที่ดีในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน

นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับรัฐบาลเศรษฐา 1 การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านพลังงานที่ดูจะไม่ง่ายนัก

ดังนั้นรัฐบาลต้องหาวิธีการแก้ปัญหาบนความรอบคอบ มองให้ครบทุกมิติ เพราะประเทศไทยยามนี้ เผชิญปัญหามากมายที่ล้วนเป็นอุปสรรคฉุดรั้งการเดินไปข้างหน้าอย่างมาก การหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หันมาให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นอย่างจริงจัง เพื่อสกัดไม่ให้ปัญหาลุกลามกลายเป็นวิกฤติพลังงานในอนาคตที่ยากจะแก้ไขได้ 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...