ทำทุกอย่างแล้ว

เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนศึกใหญ่ยิ่งของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะประเดิมสนามในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี กับทีมชาติจีน ในวันที่ 16 พ.ย. เวลา 19.30 น.

ตอนนี้ไม่ต้องถาม ไม่ต้องสงสัยถึงความพร้อมแต่อย่างไร ไม่เกิดประโยชน์ และคงไม่ได้คำตอบ เป็นอื่น

และต้องเชื่อกันว่าทุกคน ไม่ว่านักเตะและสตาฟฟ์โค้ชจะมุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อหวังผลชนะเลิศกันทั้งสิ้น

ซึ่งที่ผ่านมา นับแต่การตบเท้าเข้ารายงานตัวฝึกซ้อมกันตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา และแม้ช่วงแรกยังไม่ครบทีม ต้องรอนักเตะสำคัญๆให้เสร็จภารกิจตามเข้ามาสมทบ

ไม่ว่าจะเป็น 3 นักเตะที่ค้าแข้งอยู่ต่างแดนอย่าง “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา จากอุราวะ เรดส์, สุภโชค สารชาติ จากคอนซาโดเล ซัปโปโร และ เอเลียส ดอเลาะ จากบาหลี ยูไนเต็ด ที่เข้ามาร่วมแคมป์ในช่วงเย็นวันที่ 13 พ.ย. และรวมถึงคนสุดท้าย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จากโอเอช ลูเวิน ที่บินจากเบลเยียมมาสมทบ 14 พ.ย. ก่อนจะลงสนาม 16 พ.ย.

ช่วงเวลาของการฝึกซ้อมที่ออกมาเช่นนี้

ผ่านการปรับแก้ของสมาคมกีฬาฟุตบอล และ บ.ไทยลีก มาแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีผลต่อความพร้อม ไม่พร้อมแต่อย่างไร เพราะต้องพร้อมแน่นอน ด้วยทุกคนเป็นนักเตะอาชีพ ไทยลีกก็เป็นลีกที่มีมาตรฐานสูง

ระดับหนึ่ง ตามหลักการแล้วจึงไม่ต้องห่วงกับสภาพร่างกายและจิตใจของแต่ละคน

ในส่วนของการฝึก เตรียมแผนการเล่น แน่นอน เฮดโค้ช มาโน โพลกิง ก็เตรียมไว้พรั่งพร้อม มีข้อมูลของจีนรอบด้าน วางแผนเรียบร้อย เจ้าตัวก็มั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่แค่เพียงผ่านนัดแรก แต่ยังบอกชัดถึงโอกาสในการเข้ารอบสุดท้ายเสียด้วยว่าไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝัน ส่วนจะเล่นยังไงรอดูในสนาม

นักเตะเองก็มั่นอกมั่นใจอย่าง ธีราทร บุญมาทัน อีกหนึ่งกำลังหลัก ก็มองบวก ยกทีมชุดนี้

ดีสุดในรอบหลายๆปี ทุกคนมีประสบการณ์ มีคุณภาพมากกว่าเดิม น่าจะทำผลงานได้ดี

ไม่เท่านั้นทางทีมโดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผจก.ทีม ยังเติมพลัง เพิ่มกำลังใจ ด้วยการพาเหล่า “ช้างศึก” เข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือสมเด็จธงชัย ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล

โดยไปกันพร้อมหน้า ได้รับทั้งพร ทั้งพระเครื่อง และผ้ายันต์ ช่วยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างสมาธิ ปลุกความมุ่งมั่น คึกคักกันทั้งทีม

เรียกว่าครบถ้วนทุกกระบวนการ ทำทุกอย่างแล้ว!

เหลือเพียงเรื่องในสนาม และผลที่จะออกมา!!!

2 นัดแรกในปีนี้ ทั้งจีน 16 พ.ย. และไปเยือนสิงคโปร์ 21 พ.ย. ว่าไปแล้วก็เปรียบเป็นเกมที่หนักน้อยที่สุด ผลที่ออกมาสามารถชี้นำไปถึงอนาคตได้ชัดเจนพอควร

ใครไปเชียร์ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานได้ก็ควรไป ส่วนถ้าไปไม่ได้ก็เปิดไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เชียร์กันแบบสดๆให้สุดใจ ไม่ดูไม่ได้แล้ว...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม