วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ IRPC โรงกลั่นฟื้นตัวก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรฟื้นเลย!

เนื่องจาก i) อุปทานตึงตัวในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เนื่องจากโรงกลั่นหลายแห่งในโลกมีการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน และ ii) สต็อกน้ำมันกลุ่ม middle distillate ทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง แต่อย่างไรก็ตาม spread ของ PP ยังลดลง 15% QoQ เหลือ US$331/ton และ spread ของ ABS ลดลง 8% QoQ เหลือ US$614/ton ใน 3QTD66 เพราะถูกกดดันจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาดโลกเป็นจำนวนมาก โดยกำลังการผลิตของ PP ในช่วงปี 2566F-67F จะเพิ่มเข้ามาถึง 7.6MTA และ 7.2MTA ในขณะที่กำลังการผลิตของ ABS จะเพิ่มเข้ามาอีก 2.3MTA และ 0.9MTA ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานของทั้งสองผลิตภัณฑ์ทั้งในปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้ spread ของทั้งสองผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำมาก (ต่ำกว่า US$550/ton และ US$1,000/ton ตามลำดับ) ในขณะเดียวกันผู้บริหารยังคาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 190-200KBD ใน 2H66F ใกล้เคียงกับใน 1H66 ที่ 195KBD

ตั้งเป้าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการ UCF ในวันที่ 24 มกราคม 2567
ผู้บริหารเน้นไปที่โครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) ซึ่งจะอัพเกรดน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันสูง (highsulfur diesel หรือ HSGO) เป็นน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำ (low-sulfur diesel หรือ LSGO) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5 ใหม่ที่ประเทศไทยจะบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นไป ถึงแม้ IRPC มีแผนจะเริ่มเปิดดำเนินการโครงการ UCF ในวันที่ 24 มกราคม 2567 แต่รัฐบาลจะยังไม่ลงโทษบริษัทโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมันที่ยังขาย HSGO เพราะจะให้เวลาปรับตัวสามเดือนหลังจากที่เริ่มใช้มาตรฐาน Euro 5 นอกจากนี้ IRPC ยังระบุว่าบริษัทไม่มีแผนจะปิดโรงกลั่นเพื่อเชื่อมต่อระบบเข้ากับโครงการ UCF ในปีหน้า เพราะบริษัทได้เตรียมระบบเพื่อสนับสนุนโครงการ UCF เอาไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนที่ทำปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นรอบใหญ่เมื่อปีที่แล้ว โดยในปัจจุบัน IRPC ผลิต HSGO ประมาณ 50% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลทั้งหมดของบริษัท

 

Valuation

เรายังคงคำแนะนำ ถือ IRPC โดยคงราคาเป้าหมายปี 2566F เอาไว้ที่ 2.70 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.5x ถึงแม้เราจะคาดว่าบริษัทจะได้อานิสงส์จากการที่ค่าการกลั่นใน 3Q66 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ แต่เรายังคงมองลบกับแนวโน้มของ PP และ ABS ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะจะมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำไรจากสองผลิตภัณฑ์นี้คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณ 40% ของ EBITDA รวมของ IRPC

 

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ของปิโตรเคมี

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...