‘สิงห์เอสเตท’ ไม่หวั่นปัจจัยลบลุยบ้านอัลตร้าลักชัวรีนอกเมือง

นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดขณะนี้มีปัจจัยลบจากค่าแรง ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ย ซึ่งมีผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวม แต่ไม่กระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากลูกค้าหลักของโครงการสิงห์ เอสเตท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 

“ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ โดยเฉพาะโครงการแนวราบโฟกัสตลาดราคาไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท”

สะท้อนจาก โครงการ ลาซัวว์ เดอ เอส ราคาหลังละ 550 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายที่ดินพร้อมสั่งสร้าง คล้ายโครงการ สันติบุรี บนที่ดินต่อโครงการไม่เกิน 10 ไร่ นั้น ปัจจุบันขายไปแล้ว 1 หลังเหลืออีก 1 หลัง และในไตรมาส 4  บริษัทมีแผนเปิดอีก 2 โครงการภายใต้แบรนด์ “ฌอน” (Shawn ) มูลค่า 5,500 ล้านบาท ระดับราคาตั้งแต่ 15-20 ล้านบาทในทำเลรามอินทรา และจตุโชติ ในรูปแบบการซอฟต์ลอนช์
 

ล่าสุดบริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบใหม่ ที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ ที่ทันสมัย บนทำเลศักยภาพ ขยายฐานลูกค้าออกมาในโซนกรุงเทพฯ ตะวันตกเป็นครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ “สริน” (S’RIN ) ราชพฤกษ์ - สาย1 ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ เพื่อขยายเข้าสู่ตลาดบ้านระดับพรีเมียมลักชัวรีครั้งแรกของสิงห์ เอสเตท

สริน ราชพฤกษ์ -สาย1 บนที่ดิน 45 ไร่ มูลค่า 3,700 ล้านบาท มีจำนวน 89 หลัง ขนาดที่ดิน 110-168 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอยรวม 440-626 ตารางเมตร ราคา 39-75 ล้านบาท ภายใต้คอนเซปต์ “Modern Tropical Refinement”  ที่แสดงออกถึงดีไซน์บ้านที่ทันสมัย และเรียบหรู แต่อบอุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสิงห์ เอสเตท

ราชพฤกษ์ เป็นทำเลที่มีศักยภาพใหม่ ราคาที่ดินย่านราชพฤกษ์มีมูลค่า 100,000 บาทต่อตารางวา ส่วนโซนสาย 1 มีระดับราคา 80,000- 90,000 บาทต่อตารางวา เป็นครั้งแรกของบริษัทในการขยายตลาดบ้านระดับอัลตร้าลักซูรี และซูเปอร์ลักซูรี นอกเมือง เพื่อรองรับฐานลูกค้ากลุ่มใหม่จากเดิมเน้นทำเลกลางเมืองเป็นหลัก ชูจุดขายการออกแบบพื้นที่ตอบโจทย์คนทุกเจนเนอเรชั่น ตั้งแต่เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ สูงวัย

“15 วันที่ผ่านมาหลังเปิดตัวโครงการสริน มีคนสนใจเข้ามาเยี่ยมชม 130 คน มียอดจอง 7 หลัง มูลค่า 550 ล้านบาท เป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจ และแพทย์ที่ทำงานย่านนี้ บางส่วนเป็นกลุ่มคนทำงานย่านสาทร คาดใช้เวลา 3ปี สามารถปิดโครงการได้”

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ภาพรวมดีขึ้น คาดว่า ในปี 2567 จะดีขึ้นกว่าปีนี้ แนวโน้มปีหน้ากลับมาทำตลาดคอนโดมิเนียมอีกครั้งหลังจากหยุดไป เนื่องจากจำนวนสต็อกเหลือน้อย และสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น ปัจจุบันมีเจ้าของที่ดินและนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ หรือ ร่วมทุนพัฒนาโครงการ คาดว่า จะเห็นความชัดเจนในปีหน้า
 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...