กรมพัฒนาที่ดิน หนุน ปลูกพืช GI เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการเกษตร

นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินโครงการการประเมินสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตร โดยทำการศึกษาลักษณะและสมบัติบางประการของดิน รวมถึงประเมินสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่ปลูกพืชอัตลักษณ์พื้นถิ่น เพื่อให้ได้ฐานข้อมูลทรัพยากรดินและแนวทางการจัดการดินในพื้นที่ปลูกพืชบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (พืช GI) รายชนิดพืช ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ทราบสถานภาพทรัพยากรดินในพื้นที่เกษตรกรรมชั้นดีและ บ่งชี้สถานะของดินที่มีการปลูกพืชให้มีคุณภาพดี 

อีกทั้งนำไปใช้เป็นคำแนะนำการจัดการดินในพื้นที่ปลูกพืช GI เพื่อให้เกษตรกร เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรดินในบริเวณที่มีลักษณะโดดเด่น เพื่อผลักดัน เสริมสร้าง และคุ้มครองให้เป็นปัจจัยสำคัญต่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พืชท้องถิ่น และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีคุณภาพดี 

นอกจากนี้ กรมพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการขับเคลื่อนงานให้บรรลุตามเป้าหมายระดับแผนแม่บทย่อย : สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น  มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ในการเตรียมความพร้อมเพื่อส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกพืช GI การสนับสนุนฐานข้อมูลการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (พืช GI) ให้ได้มาตรฐานเพื่อคุ้มครองทรัพยากรดินที่เหมาะสมสำหรับพืช GI โดยจัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศ (พืช GI) ได้แก่

ลักษณะภูมิประเทศ แผนที่ชุดดิน แผนที่สภาพการใช้ที่ดิน ความเหมาะสมของที่ดิน ในขอบเขตพื้นที่เพาะปลูกพืช GI ของประเทศไทย จำนวน 48 ชนิด เช่น ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี ลิ้นจี่แม่ใจพะเยา ลิ้นจี่นครพนม ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นต้น

“ฐานข้อมูลสารสนเทศพืชบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (พืช GI) และสถานการณ์ของทรัพยากรดินในพื้นที่เพาะปลูกพืช GI ถูกนำมาวิเคราะห์และประเมินคุณภาพที่ดินทั้งระดับความต้องการปัจจัยของพืช GI และสภาพภูมิอากาศ เพื่อจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดินสำหรับพืช GI ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อจัดทำเขตการใช้ที่ดินสำหรับพืช GI ในการขยายพื้นที่เพาะปลูก พร้อมทั้งจัดทำเขตเหมาะสมมากสำหรับปลูกพืช GI และเขตเหมาะสมมากสำหรับขยายพื้นที่ปลูกพืช GI ด้วย โดยได้ดำเนินการแล้วจำนวน 6 ชนิดพืช 

 

ได้แก่ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ หอมแดงศรีสะเกษ ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ สับปะรดท่าอุเทน ลิ้นจี่นครพนม ในพื้นที่จังหวัดนครพนม และ ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการขยายผลแผนพัฒนาพืช GI ในอนาคตแบบบูรณาการ

ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และผู้สนใจสามารถนำฐานข้อมูลสารสนเทศพืช GI ของกรมพัฒนาที่ดินไปวิจัยต่อยอด หรือใช้ประโยชน์สำหรับกำหนดแผนงานและนโยบายการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ” 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...