คำกล่าวที่ว่า “เหตุที่พนักงานลาออกไม่ใช่เพราะงานแต่เป็นเพราะคน” ไม่ใช่เรื่องเกินจริง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องพบเจอกับบุคคลเป็นพิษ (Toxic People) ในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเพื่อนร่วมงานไปจนถึงหัวหน้างานก็ตาม แล้วเราควรจะรับมือกับคนเหล่านี้อย่างไรโดยที่ชีวิตเราต้องไม่พังไปด้วย
ข้อมูลจาก Forbes เผยว่าพนักงานชาวอเมริกันเกือบสามในสี่ (71%) เคยประสบกับหัวหน้างานเป็นพิษในบางครั้ง และปัจจุบันประมาณหนึ่งในสาม (31%) กำลังทำงานกับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานที่เป็นพิษ
หากใครไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวนับว่าเป็นโชคดี และอาจสงสัยว่าทำไมบางคนถึงยอมทนให้ตนเองอยู่ในองค์กรที่วัฒนธรรมการทำงานเป็นพิษต่อสุขภาพกายและใจ ซึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนเหล่านี้ เพราะหลายคนอยู่ต่อเพราะต้องการเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีไปหล่อเลี้ยงชีวิต ในขณะที่บางคนก็รักองค์กรหรืออยากทำงานจนถึงวัยเกษียณ
ด้าน INSEAD โรงเรียนสอนธุรกิจระดับโลก เผยว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นพิษนั้นเชื่อมโยงกับความวิตกกังวลในระดับสูง ภาวะซึมเศร้า การนอนหลับไม่เพียงพอ ความดันโลหิตสูง และแม้แต่การแก่ก่อนวัย ความเครียดในการทำงานในระดับสูงอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมและนิสัยที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และลามไปยังชีวิตส่วนตัว ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว
...
นอกจากจะเป็นฝันร้ายสำหรับลูกน้องแล้ว หัวหน้าที่ไม่ดียังส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยรวมได้อย่างมากอีกด้วย ความต้องการและพฤติกรรมของพวกเขาทำให้พนักงานขาดความมุ่งมั่นและแรงจูงใจ ส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหัวหน้าเหล่านี้เอาลูกน้องมาแข่งขันกันเอง วัฒนธรรมการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์อาจกลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการไม่ไว้วางใจและแทงข้างหลัง ที่ส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่คิด พนักงานอาจขาดงานหลายวันเนื่องจากปัญหาสุขภาพจิต และบางคนอาจลาออกจากงานเพียงเพื่อหนีจากหัวหน้า
วิธีรับมือกับคนเป็นพิษในที่ทำงาน
1. กำหนดขอบเขตและทำความเข้าใจกับแรงกดดันของหัวหน้า
ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนและอธิบายว่าคุณพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะทำอะไร พร้อมกับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลเมื่อต้องเผชิญกับความคาดหวังที่ไม่สมจริง เช่น อย่าตรวจสอบอีเมลงานในตอนเย็นหรือแจ้งให้หัวหน้าของคุณทราบว่าคุณต้องการแจ้งล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับงาน เมื่อคุณกำหนดขอบเขตแล้ว ให้สื่อสารอย่างชัดเจนและบ่อยครั้ง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้บังคับใช้ขอบเขตของคุณอย่างใจเย็น แต่ไม่ต้องถอยกลับ
ขณะเดียวกันก็ควรสำรวจแรงกดดันที่หัวหน้าของคุณต้องเผชิญ เพราะการทำความเข้าใจสถานการณ์ของหัวหน้าอาจช่วยให้คุณปรับความคาดหวังให้ตรงกันและหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย การทำเช่นนี้จะทำให้คุณค้นพบว่าหัวหน้าของคุณไม่ได้รับมือยากอย่างที่คุณคิดในตอนแรก
2. ให้ข้อเสนอแนะโดยตรง
วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการจัดการกับหัวหน้าก็คือการสนทนาแบบตัวต่อตัวอย่างตรงไปตรงมา วิธีนี้จะช่วยระบุได้ว่าพวกเขาเป็นพิษจริงหรือเพียงแค่ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ หากหัวหน้าของคุณเปิดรับข้อเสนอแนะและพยายามให้การสนับสนุนมากขึ้นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่หากพวกเขาไม่รับฟังข้อเสนอแนะของคุณและเพิกเฉย แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องสนับสนุนตัวเอง และมองหาการสนับสนุนอื่นๆ
หากคุณต้องการคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างานที่เป็นพิษ ลองขอความช่วยเหลือจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลและขอให้พวกเขาเข้าร่วมการสนทนาด้วย พร้อมให้กรณีศึกษาว่าพฤติกรรมของหัวหน้าส่งผลต่อสุขภาพจิตของคุณและของผู้อื่นในองค์กรอย่างไร โดยเน้นย้ำถึงปัญหา รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมและสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ด้วย
3. หาพันธมิตรภายในองค์กร
สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้าที่เป็นพิษคือ การแยกตัวออกไป พยายามทำให้คนอื่นมองเห็นคุณในองค์กรมากขึ้น ยิ่งมีคนคุ้นเคยกับผลงานของคุณมากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะพบพันธมิตรในระดับที่สูงขึ้นเท่านั้น คุณยังสามารถสร้างพันธมิตรกับเพื่อนร่วมงานที่สามารถกลายมาเป็นเพื่อนและที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ และอาจช่วยให้คุณก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ในอนาคต
4. อย่าลืมดูแลตัวเอง
การดูแลสุขภาพจิตของคุณเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดังนั้น หากคุณพบว่าตัวเองเครียดเนื่องจากความสัมพันธ์ในการทำงานที่ไม่ดี อาจถึงเวลาที่ต้องมองหาโค้ช ที่ปรึกษา หรือผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมอื่นๆ ที่สามารถช่วยคุณประเมินตัวเลือกของคุณอีกครั้ง บุคคลเหล่านี้สามารถช่วยแนะนำคุณไปสู่โอกาสในการทำงานที่คุ้มค่ากว่าได้
...
5. ย้ายแผนกอย่างสง่างาม
หากหัวหน้าของคุณไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลง แต่คุณยังคงมีความสุขกับการทำงานในองค์กรปัจจุบันของคุณ อีกทางเลือกหนึ่งคือการสำรวจโอกาสต่างๆ ภายในองค์กร เริ่มต้นด้วยการบอกเป็นนัยกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ว่าคุณเปิดใจให้ผู้อื่นเข้ามาหาโอกาสใหม่ๆ และคุณกำลังมองหาความรับผิดชอบที่นอกเหนือไปจากสายงานปัจจุบันของคุณ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคืออย่าพูดถึงหัวหน้าของคุณในเชิงลบ เพราะการทะเลาะเบาะแว้งกับหัวหน้าไม่ใช่ความคิดที่ดี ควรเน้นที่การเน้นย้ำจุดแข็งและความสำเร็จของคุณเอง
6. ลาออกและมองหาหัวหน้าที่ดีกว่า
หากสถานการณ์การทำงานของคุณยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ ความนับถือตนเอง และความเป็นอยู่ของคุณ และไม่มีโอกาสในการย้ายหรือปรับปรุง อาจถึงเวลาลาออกจากนายจ้างปัจจุบันของคุณแล้ว แทนที่จะยึดติดกับความหวังในการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้าที่เป็นพิษ ให้เน้นไปที่การค้นหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ชื่นชมพรสวรรค์ของคุณ
...
ด้วยการขยายเครือข่ายภายนอกและเปิดรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับตัวเลือกอาชีพที่เป็นไปได้ คุณอาจพบว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมของคุณกำลังมองหาทักษะและความเชี่ยวชาญที่คุณมี และทางที่ดีควรตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในสถานการณ์เดิมๆ เพราะคงไม่มีใครอยากเจอซ้ำอีกแน่นอน
การพัฒนาและรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบหลักของนายจ้าง น่าเสียดายที่หัวหน้าที่เป็นพิษยังคงมีอยู่ทั่วไปในที่ทำงาน แทนที่จะปล่อยให้คนพวกนี้ทำให้ชีวิตของคุณแย่ จงมองหาสิ่งที่คุณควบคุมได้ หากคุณใช้กลยุทธ์เหล่านี้แล้วแต่ยังรู้สึกติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อย่าลังเลที่จะมองหาที่อื่น เพราะทุกคนควรที่จะทำงานในบริษัทที่ทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าได้ มากกว่าที่จะแค่เอาตัวรอดไปวันๆ
เพราะผู้คนต่างใช้ชีวิตส่วนใหญ่ทุ่มเทไปกับการทำงาน สภาพแวดล้อมในการทำงานจึงไม่ควรเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตหรือสุขภาพกาย เมื่อบุคคลมีสุขภาพจิตที่ดี พวกเขาก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ รับมือกับความเครียดในชีวิต และมีส่วนสนับสนุนสังคมอย่างมีความหมาย ในที่ทำงาน ทุกคนสมควรได้รับความเคารพและการปฏิบัติอย่างยุติธรรม ไม่มีใครควรเสียสละสุขภาพจิตของตนเองเพื่องานที่เป็นพิษ
...
ที่มา : Forbes, INSEAD
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจจับสัญญาณ Toxic People คนแบบไหนควรรีบหนี และนิสัยแบบใดควรรีบเปลี่ยนตัวเองก่อนจะไม่มีใครคบ