‘ทัวริสต์มอลล์’ คึกคักรับต่างชาติ เล็งปรับใหญ่ ‘แฟชั่นไอส์แลนด์’

พร้อมเตรียมยกเครื่องแฟชั่นไอส์แลนด์ครั้งใหญ่รอบ 30 ปี ดึงแม่เหล็กใหม่เสริมทัพรับศึกค้าปลีกแข่งเดือด

“แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี พอร์ตโฟลิโอธุรกิจครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึง “ศูนย์การค้า” ที่มีเรือธงเป็นที่รู้จักในนาม “เทอร์มินอล 21” ปักหมุดให้บริการในหลายย่านการค้าสำคัญดึงดูดลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินหน้าขยายการลงทุน และปรับปรุงธุรกิจครั้งใหญ่เพื่อรับมือการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งโอกาสธุรกิจจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ในฐานะ Sponsor ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดท่องเที่ยวของประเทศไทยได้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จากจำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรกสูงถึง 17.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ตลอดทั้งปี 2567 มีโอกาสสูงเกินเป้าหมายที่วางไว้ 36 ล้านคน แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เป็นผลดีต่อธุรกิจศูนย์การค้าที่อยู่ในทำเลท่องเที่ยวในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ทั้งศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อโศก และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา

ทั้ง 2 ศูนย์การค้า อยู่ในทำเลไพร์มโลเคชันของท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “พัทยา”  เมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และคนไทยมาเยือนอย่างต่อเนื่อง 

“พัทยามีการเติบโตสูง โดยเฉพาะทำเลพัทยาเหนือ แนวโน้มมีโรงแรมใหม่ๆ เข้ามาเปิดจำนวนมาก รวมถึงจังหวัดชลบุรีที่มีโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ​ (อีอีซี) กระตุ้นการลงทุนใหม่สูงมาก” 

ดักโอกาสพัทยาเมืองท่องเที่ยว-ศก.อันดับต้นในโลก

ทั้งนี้ทิศทางธุรกิจค้าปลีกและท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี ทำให้บริษัทได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในสิทธิการเช่าโครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา มูลค่ารวมไม่เกิน 5,700 ล้านบาท พร้อมเตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 3,190 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้เป็นไปตามแผนการขยายพอร์ตสินทรัพย์ให้เติบโตกว่าเท่าตัวและมีสัดส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯ และพัทยาใกล้เคียงกัน ร่วมถึงการกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงของแหล่งรายได้ พร้อมมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์

“พัทยาเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง เป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวตลอดปี ไม่ว่าช่วงไฮซีซันหรือโลว์ซีซันแทบไม่แตกต่างกัน มีนักท่องเที่ยวผสมผสานทั้งคนไทยและต่างชาติ แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย อยู่ในทำเลอีอีซี ที่มีโปรเจกต์พัฒนาอีกมาก จึงกลายเป็นไม่กี่เมืองในโลกที่เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจ ประเมินในอนาคตพัทยาจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจลำดับต้นๆ ของโลกได้แน่นอน”

สำหรับภาพรวมศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา เปิดในบริการมากว่า 6 ปีแล้ว กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของพัทยาเหนือ มาจากทั้งการออกแบบให้เป็นท่าอากาศยานแห่งการชอปปิ้ง รวมถึงมีบันไดเลื่อนที่ความยาวถึง 39 เมตร ถือเป็นศูนย์การค้าที่มีบันไดเลื่อนยาวสุดในประเทศไทย ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 12% สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 นับศูนย์การค้าที่สร้างรายได้ลำดับต้นๆ ของบริษัท ลูกค้าหลักที่เข้ามาใช้บริการเป็น นักท่องเที่ยวจีน สิงคโปร์ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย รวมถึงประเทศต่างๆ จากภูมิภาคอาเซียนและตะวันออกกลาง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายมากกว่า คนไทยถึง 3 เท่าตัว

ที่ผ่านมา บริษัทวางแผนการตลาด ทั้งการผสมผสานพื้นที่รีเทลทั้งอินเตอร์เนชั่นแนลและไทยแบรนด์ การจัดทำโรงภาพยนตร์ วางแผนจัดกิจกรรมใหญ่ เป็นแม่เหล็กดึงดูดกลุ่มลูกค้า อาทิ การจัดพัทยามาราธอน สร้างสถิติคนเข้ามาร่วมถึง 1.5 หมื่นคน

ปรับใหญ่แฟชั่นไอส์เเลนด์

นายประเสริฐ กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าของกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ กลับมาขยายตัวได้ดีตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หลังผ่านช่วงโลว์ซีซันปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนได้จากทราฟฟิกศูนย์การค้าในเครือเพิ่มขึ้นทั้งหมด ทั้งเทอร์มินอล 21 อโศก, พระราม3 , โคราช และพัทยา รวมถึงแฟชั่นไอส์แลนด์ เพิ่มขึ้น รวมถึงการเช่าพื้นที่แต่ละเฉลี่ยของแต่ละพื้นที่สูงกว่า 95%

จากแนวโน้มของค้าปลีกที่แข่งขันรุนแรงต่อเนื่องในทุกทำเล และตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้บริษัทได้วางแผนรีโนเวท "ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์เเลนด์" ครั้งใหญ่ หลังเปิดให้บริการมากว่า 30 ปี โดยได้ขยายแบรนด์ใหม่ทั้งจากในและต่างประเทศ รวมถึงขยายพื้นที่จอดรถให้ถึง 2,000 คัน เพิ่มขึ้น 30-40% จากปัจจุบัน คาดว่าจะรีโนเวทแล้วเสร็จภายในปี 2568  ปัจจุบันมียอดทราฟฟิกประมาณ 60,000 คนในวันธรรมดา และวันหยุดสูงถึง 100,000 คน

สำหรับ เทอร์มินอล 21 โคราช มีทราฟฟิกกว่า 30,000 คน เทอร์มินอล 21 พระราม 3 มีทราฟฟิกกว่า 35,000 คน ที่ผ่านมาได้วางแนวทางปรับพื้นที่และดึงดูดร้านค้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นทำให้ลูกค้าขยายตัวดี

“ภาพรวมศูนย์การค้าของกลุ่มทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ มีบรรยากาศการใช้จ่ายที่ดีขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แสดงถึงสัญญาณความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยที่กลับมาดีขึ้น”

ชี้กองทุนรีท ที่เน้นลงศูนย์การค้าโตสูง

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHSC เสริมถึง บรรยากาศการลงทุนกองรีท ที่ลงทุนในศูนย์การค้า (ทัวริสต์ มอลล์) มีแนวโน้มการเติบโตของรายได้ตามจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้น รวมถึงมีปัจจัยบวกจากนอกประเทศทั้งอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศเข้าสู่ขาลง ทั้งธนาคารกลางหลายแห่งนำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป จึงเป็นผลบวกต่อ พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์และรีท (Property Fund & REIT) ทำให้มีต้นทุนลดลง

นายณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดท่องเที่ยวเมืองพัทยา มีศักยภาพสูงมาก และติดท็อปอันดับ 7 ของโลกในกลุ่มประเทศเกิดใหม่และมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง จากแรงหนุนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

ทำให้กองรีท LHSC ที่เน้นการลงทุนในศูนย์การค้า ได้ขยายลงทุนใหม่มาสู่ เทอร์มินอล 21 พัทยา ที่มีศักยภาพขยายตัวจากการท่องเที่ยวและทราฟฟิกสูงถึง 37,000 คน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 99% รวมถึงธุรกิจในเครือกลุ่มโรงแรม มีอัตราการเข้าพักสูงเกิน 90% เช่นกัน

ทางด้าน นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม และนายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงานInvestment Banking and Capital Marketsธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม เสริมว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จึงส่งผลดีต่อนักลงทุน สำหรับ กองทุนรีท LHSC มีประวัติการจ่ายปันเงินผลต่อเนื่อง รวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งประเมินว่าจากการเพิ่มทุนใหม่ในครั้งนี้มีประมาณการอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทนภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมในปีแรกอยู่ที่กว่า 9.5%

อย่างไรก็ตาม จะมีการเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทรัสต์เดิมและประชาชนทั่วไป จองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 4-8 พ.ย.นี้

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ