ร้านกาแฟไทยไม่ตาย แต่เปิดแล้ว ‘ไม่รวย’ ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีทำไว้เพิ่มราคาที่ดิน

“ร้านกาแฟ” คือหนึ่งในธุรกิจที่มีกลิ่นอายความเซ็กซี่อันดับต้นๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและสัดส่วนร้านกาแฟที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟไม่ได้คึกคักเหมือนในอดีต แม้กระทั่งกาแฟพิเศษเจ้าแรกๆ ของไทยอย่าง “Bottomless” ของ “หมู-นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา” ที่เคยขายได้หลักแสนบาทต่อวัน ตอนนี้นพพลบอกว่า สถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ซึ่ง Bottomless เอง ก็มีการปรับตัวด้วยการขยายโมเดล “Bottom Express” รองรับเซกเมนต์อื่นๆ ในตลาด ใช้ต้นทุนน้อยกว่า และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

นพพลบอกว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการร้านกาแฟลดลงไปมาก เรียกว่า แทบจะไม่มีหน้าใหม่เกิดขึ้นในตลาดเลย ส่วนใหญ่ที่ทยอยเปิดตอนนี้เป็นโปรเจกต์ค้างที่ปั้นกันมาก่อนหน้านั้น 2 ถึง 3 ปี ตั้งไข่มาแล้วก็ต้องไปต่อให้จบ ผลสะเทือนต่อมาคือคนซื้อเครื่องชงกาแฟน้อยลง เครื่องขายไม่ออก ทั้งเครื่องชงกาแฟ เครื่องคั่วกาแฟ และเครื่องบดกาแฟมือสองที่ไทยรับมาจากออสเตรเลียและเกาหลีใต้ เมื่อขายไม่ออกก็เจอปัญหาเรื่องการส่งต่อ หากจะส่งให้เพื่อนบ้านรอบข้างก็พบว่า ตลาดเหล่านั้นก็ยังไม่มีความพร้อม

ถ้าถามว่า สัดส่วนผู้ประกอบการที่ลดลงเช่นนี้จะทำให้อนาคตของร้านกาแฟถึงจุดเสี่ยงหรือไม่ “นพพล” ให้ความเห็นว่า อย่างไรกาแฟก็ยังมีคนกินตลอด ยังไม่ตาย ยังอยู่ได้เรื่อยๆ แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือเจ้าของร้านหน้าใหม่ขณะนี้ คือกลุ่มเศรษฐีมีอันจะกินที่มีวัตถุประสงค์ในการเปิดเพื่อเพิ่มมูลค่าที่ดินมากกว่าเปิดเพราะแพชชัน พบว่า รูปแบบดังกล่าวเพิ่มขึ้นราวๆ 10% ซึ่งเป็นคนละเกมกับการเปิดร้านกาแฟยุคก่อนๆ การเปิดร้านแบบนี้อาจจะไม่มีกำไรเลยก็ได้ เผลอๆ ขาดทุนด้วยซ้ำ แต่เป้าหมายต่างกัน ถึงเจ๊งก็ไม่เป็นไร

-หมู-นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา ผู้ก่อตั้งร้าน Bottomless-

ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของร้านกาแฟ นพพลบอกว่า อาจจะเหนื่อยขึ้น แต่ถ้าตั้งใจพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ยังขายได้ หากถามว่า ขายได้จนไปถึงจุดที่ร่ำรวยจากธุรกิจนี้หรือไม่ เขาให้ความเห็นว่า ในยุคนี้คงจะยากแล้ว อย่านำไปเปรียบเทียบกับการเปิดร้านกาแฟเมื่อ 15 ปีก่อน ตนก็เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าเข้ามาในวงการเร็วกว่านี้คงไปได้อีกไกลแต่ในเมื่อความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ขอให้อยู่กับปัจจุบันไว้ดีกว่า เชื่อว่าอย่างไรก็ยังมีทางไปต่อได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้าน Bottomless มองว่า สภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดีในปัจจุบันไม่ได้มีนัยสำคัญกับการเติบโตของตลาดกาแฟไทยมากนัก เพราะการดื่มกาแฟขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ขายได้ด้วยสัดส่วนเท่านี้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากแล้ว ขณะที่ร้านกาแฟในออสเตรเลียใช้เมล็ดกาแฟวันละ 10 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย ถ้าร้านไหนขายได้ต่ำกว่านี้อาจถูกจัดเกณฑ์อยู่ในเขตอันตรายได้เลยทีเดียว

เพราะระบบการซื้อขายกาแฟที่ออสเตรเลียมีสเกลใหญ่ในระดับที่โรงคั่วกาแฟใช้วิธี “ซื้อเมล็ดแถมเครื่องชง” ถ้าซื้อเมล็ดกาแฟกับโรงคั่วนี้ด้วยปริมาณเท่านี้ต่อเดือน จะได้เครื่องชงกาแฟยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ ไปใช้พร้อมๆ กัน ส่วนประเทศไทยแม้ภาพรวมตลาดจะยังไปไม่ถึง แต่บาริสต้าและคนทำครัวในร้านไทย “มีของ” กันหมด  นพพลบอกว่า สกิลเด็กไทยในร้านกาแฟค่อนข้างดี ถูกฝึกมาให้ทำงานคราฟต์ได้

ด้านอนาคตของ “Bottomless” นพพลเล่าว่า ช่วงโควิด-19 ตนเคยวางแผนเปิดที่เยอรมนีเพราะมีเครือญาติอาศัยอยู่ที่นั่น ประกอบกับได้วีซาเชงเก้น (Schengen Visa) ระยะยาว ตั้งเป้าดูร้านที่ไทย 6 เดือน สลับกับร้านที่เยอรมนีอีก 6 เดือน แต่เมื่อเกิดโรคระบาดแผนโกอินเตอร์ก็ถูกพับเก็บไปก่อน รวมถึงกำลังซื้อที่หดหายจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

หากอนาคตคิดจะไปจริงๆ ต้องไปแบบมีพาร์ทเนอร์ ตอนนี้ขอโฟกัสที่ธุรกิจร้าน Bottomless ที่กำลังจะเปิดอีก 2 แห่งก่อน โดยเฉพาะสาขาเมืองทองธานีที่จะเป็นการกลับมาอีกครั้งของบรรยากาศแนวโฮมมี่ ให้ความรู้สึกเหมือนกับร้านในบ้านทาวน์เฮ้าส์ ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Bottomless เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

'นิคมโรจนะ'โซนอันตรายเหลือขายสูงสุดมูลค่า1.7หมื่นล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจอุปทานโดยรวมภาคกลาง ในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั...

ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่ขยับ นักลงทุนชะลอซื้อหลังดัชนีพุ่งแรงวันก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น...

เจาะพอร์ต 5 เซียนชื่อดัง ถือหุ้นปันผลสูงเกิน 5% รวม 18 หลักทรัพย์

การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในทุกปัจจัยอย่างละเอียด ซึ่งม...

น้ำนมดิบอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรครบวงจร

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (...