‘จีน’นำเข้าทองคำลดลง 24% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี สะท้อนเศรษฐกิจจีนอ่อนแรง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้บริโภคชาวจีนยังคงลดการซื้อทองคำในเดือนก.ค. เนื่องจากราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ความต้องการของประเทศที่เคยมีการซื้อทองคำมากที่สุดในโลกลดลง

ศุลกากรเผยแพร่การนำเข้าทองคำในเดือนก.ค.ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 44.6 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งลดลงต่อเนื่องจากในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีปริมาณการนำเข้าทองคำลดลงอย่างรวดเร็วถึง 58% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.

ก่อนหน้านี้ จีนมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจนพุ่งเหนือ 2,500 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ และถ้าหากการบริโภคทองคำของจีนชะลอตัวต่อไป อาจทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาทองเป็นไปได้ยากมากขึ้น

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลักหลายประการ ทั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมถึงความต้องการจากผู้บริโภคในเอเชียและการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก

ตัวเลขการนำเข้าทองคำที่ลดลงอย่างฉับพลันแสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อชาวจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาทองคำที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤติด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อและสกุลเงินที่อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำกลายเป็นสินค้าที่ไกลเกินเอื้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ซื้อเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม

แม้ว่าความต้องการทองคำเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทองคำแท่งและเหรียญยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์เพื่อรักษามูลค่าและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

เมื่อปีที่แล้ว ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนผลักดันให้ผู้คนหันมาซื้อทองคำแท่งเพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์แม้ในช่วงที่ทองคำเข้าสู่ขาขึ้น แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในปัจจุบัน ราคาทองคำในตลาดเซี่ยงไฮ้ถูกกว่าราคาทองคำในตลาดโลกในเดือนก.ค.และส.ค.ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางจีนหยุดซื้อทองคำเป็นระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความอ่อนแรงของตลาดทองคำในประเทศจีน 

อ้างอิง Bloomberg

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ