ลาวประกาศตั้ง 'ธนาคารทองคำ' สร้างคลังทองคำสำรอง พยุงค่าเงินกีบ

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า รัฐบาลลาว ได้ประกาศจัดตั้ง "ธนาคารทองคำลาว" (Lao Bullion Bank) เพื่อสร้างคลังทองคำสำรองขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มเสถียรภาพทางการเงิน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับ 'ค่าเงินกีบ' ที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก

ธนาคารดังกล่าวจะเปิดทางให้บุคคล และนิติบุคคลสามารถนำทองคำมาฝาก และใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินอื่นๆ ที่ออกโดยธนาคารแห่งนี้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในตลาดทองคำของลาวมากขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารทองคำแท่งยังจะสร้างมาตรฐานการซื้อขาย และการลงทุนทองคำ เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจทั้งใน และต่างประเทศด้วย

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติลาวรายงานว่า การจัดตั้งธนาคารทองคำจะส่งเสริมการดำเนินตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ในการรักษา และสร้างเสถียรภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจ ซึ่งจะปลดล็อกศักยภาพของระบบการเงินระดับชาติ และการคลัง เสริมสร้างมูลค่าเงินกีบของลาว ตลอดจนเพิ่มการระดมทุน และสภาพคล่อง

เป็นที่คาดว่าธนาคารทองคำลาวจะสามารถเปิดดำเนินการในระยะแรกได้ในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนที่จะเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนพ.ย. ปีนี้

เว็บไซต์เวียงจัทน์ไทม์ส ระบุว่า การจัดตั้งธนาคารทองคำลาวเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกรุงเวียงจันทน์ นำโดยกระทรวงการคลัง กับบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด (PTL Holding Co., Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนรายใหญ่ใน สปป.ลาว โดยมีการลงนามความร่วมมือกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายจันทอน สิดทิไซย ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง กล่าวว่า การจัดตั้งธนาคารทองคำลาวขึ้นนั้นมาจากการพิจารณาของพรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลเวียงจันทน์ เพื่อให้มั่นใจว่าการสร้างคลังทองคำสำรองจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินการคลังของประเทศ  รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจลาว

“บริษัทของเรามีความยินดี และเป็นเกียรติที่ได้รับสิทธิในการเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลในการพัฒนา และบริหารจัดการธนาคาร เราสัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่โดยใช้ประสบการณ์ และความรู้ที่มีมายาวนานในด้านนี้” นายจันทอน กล่าว

เวียงจัทน์ไทม์ส ระบุว่าลาวเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลกด้านการทำเมือง และการผลิตทองคำ โดยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน และอันดับ 6 ของเอเชีย ขณะที่ผลสำรวจเบื้องต้นก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า ลาวมีแร่ทองคำที่ยังไม่ได้ขุดออกมามากถึงราว 500 - 1,000 ตัน 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ