เจาะเส้นทาง ยาดมหงส์ไทย จากลงทุน 200 บาท ใช้เวลา 20 ปี สู่แบรนด์ที่โลกรู้จัก

หนึ่งในสินค้าไทยที่ได้แอร์ไทม์ในโอลิมปิก ปารีส 2024 กับ ยาดมหงส์ไทย ที่มีภาพนักกีฬายกน้ำหนักไทย มีการยาดม หงส์ไทย ในระหว่างการแข่งขันและสามารถคว้าเหรียญมาได้ 

หากมาประเมิน ยาดมไทย โดยบริษัท เบอร์แทรม (1958) ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ยาดมเป๊ปเปอร์มินท์ ฟิลด์ และยาหม่องน้ำเซียงเพียงอิ๊ว ได้คาดการณ์ไว้ว่า มีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งคนไทยมีการใช้ยาดมประมาณ 10% ส่วนใหญ่มีการซื้อยาดมประมาณ 1-2 ชิ้นต่อเดือน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ส่วนใหญ่จะหายก่อนดมหมดหลอด ซึ่งตลาดยาดม ทั้งแบบหลอดและแบบน้ำ มีทั้ง โป๊ยเซียน , เป๊ปเปอร์มินท์ ฟิลด์, Pastel, ยาหม่องน้ำเซียงเพียงอิ๊ว และ หงส์ไทย เป็นต้น 

สำหรับ ยาดม หงส์ไทย ไม่ได้ดังเฉพาะในหมู่นักกีฬา แต่ในแวดวงคนดังระดับโลก ต่างมีการใช้สินค้า ทั้งซูเปอร์สตาร์ระดับโลก "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" รวมไปถึงนักแสดงชายชื่อดังฮอลลีวู้ด "คริส เฮมส์เวิร์ธ" อีกทั้ง แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวอังกฤษ กับ "เซนทรัล ซี" หรือ (Central Cee) ต่างใช้สินค้าและโชว์ผ่านโซเชียลมาแล้ว 

เรื่องราวของแบรนด์ "ยาดมหงส์ไทย" ก่อตั้งมาร่วม 20 ปีแล้ว โดย “ธีระพงศ์ ระบือธรรม” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้สนใจทำยาดม มาจากความสนใจในสินค้านี้ จึงได้ไปเรียนรู้สูตรผลิตยาดม พร้อมนำไปฝากขายตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ปั้มน้ำมัน หลังจากนั้นได้หยุดไปและกลับไปทำงานบริษัทร่วมสามปี 

ใช้เงิน 200 บาท ผลิตสินค้าขายตามตลาดนัด 

ต่อมา เมื่อกลับไปที่ปั้มน้ำมันแห่งเดิม พบว่า มีลูกค้าคนเดิมมาติดต่ออยากซื้อยาดมตลอด จึงเป็นแรงผลักดันให้กลับมาทำยาดมอีกครั้ง ตัดสินใจลาออกจากงานในบริษัท มาเริ่มต้นใหม่ด้วยเงินก้อน 200 บาท นำไปซื้อพิมเสนน้ำชุดเล็ก และอุปกรณ์ พร้อมเริ่มทำและตะเวนขาย ยาดม ตามตลาดนัด จึงได้รับผลที่ดีและสร้างยอดขายเติบโต

แนวคิดการขับเคลื่อนสินค้า มาจากการมีแพชชั่นในการทำ “ยาดม” จึงทำให้มุ่งมั่นและพัฒนาแบรนด์ พร้อมคงคุณภาพสินค้า จึงสามารถสร้างสินค้าติดตลาดและมีกลุ่มลูกค้าประจำ พร้อมมุ่งให้ความสำคัญกับการดูแลคู่ค้า

แนวทางการบริหารธุรกิจ มาจากตำราส่วนตัว คือ การได้ลองผิดลองถูกและได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจ พร้อมมุ่งเรียนรู้ในทุกอย่างของโลกธุรกิจ รวมถึงการใส่ใจพนักงาน และให้โอกาสทุกคน ร่วมสร้างแบรนด์เติบโต

หงส์ไทย เคยผ่านวิกฤตใหญ่ 8 ครั้ง

ในเบื้องหน้าที่ หงส์ไทย เป็นแบรนด์ที่ทุกคนต่างรู้จัก แต่เบื้องหลักคือ เคยผ่านวิกฤตใหญ่จำนวน 8 ครั้ง ทั้งอุทกภัยน้ำท่วมในช่วงปี 2554 มีผลกระทบต่อการผลิตอย่างมาก รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น 200% ส่งผลให้เงินสะสมจากการทำธุรกิจหายไปเกือบหมด แต่เมื่อมีความมุ่งมั่นจึงกลับมาสู้และขยายธุรกิจทีละสเต๊ป 

“เคยคิดว่าหากหยุดทำธุรกิจไป และเรารอดเพียงคนเดียวก็ทำได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นไปคงเป็นปมไปตลอดชีวิต ก็สู้หมดหน้าตัก ทำให้เงินทุนที่ได้จากการทำธุรกิจมาร่วม 5-7 ปีหมดไป ก็ค่อยๆ บริหารทีมและสร้างธุรกิจเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน” ผู้ก่อตั้ง ได้กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจไว้ ในช่วงที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ยังเคยเผชิญปัญหาเรื่อง “พนักงาน” ที่มีความไม่เข้าใจกันและเกิดความเข้าใจผิด เกิดการปลุกปั้น จึงปรับกลยุทธ์การบริหารคนในรูปแบบ “เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา” ประสานสร้างความเข้าใจในพนักงาน ให้ทุกคนเข้าใจกัน และเมื่อองค์กรเข้าใจพนักงาน ส่งผลให้บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องบุคลากร ลาออก หรือเข้าใจผิดในตัวองค์กร สะท้อนจากบริษัทมี "พนักงานเก่าที่ทำงานเป็นเวลา 10 ปี มากกว่า  200 คน" จากพนักงานทั้งหมดที่มีในอยู่ประมาณ 500 คน

นอกจากนี้ "พนักงานขาย" ได้วางแนวทางที่แตกต่างคือ ไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมุ่งแต่สร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว จนลืมจรรยาบรรณในการค้าขาย ตามแนวทางคือ ไม่จำเป็นต้องเหยียบผู้ค้าคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เนื่องจากไม่ใช่วิธีทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน

ไม่เคยลดพนักงาน แม้โควิดยอดขายหายไป 85%

ส่วนความท้าทายในเรื่องเรื่องต้นทุนเพิ่มขึ้น ได้ใช้หลักการบริหารให้มีเงินทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะช่วงวิกฤติที่จำเป็นต้องมีเงินสดสำรองให้มากพอ เห็นได้จากช่วงโควิด ยอดขายหายไป 85% บริษัทไม่มีการลดพนักงาน แต่ใช้แนวทางคือ ลดเวลาทำงาน ให้พนักงานทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน เป็นเวลา 2 เดือน ส่วนช่วง 2 เดือนแรกจ่ายค่าจ้าง 50% เดือนที่ 3-4 จ่าย 80% เดือนที่ 5 กลับมาจ่าย 100%  และมีการชดเชยแบบให้เปล่านาน 2 เดือน ต่อมาในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 สถานการณ์ได้กลับมาสู่ภาวะปกติ 

จากธุรกิจที่เติบโตมาต่อเนื่อง ทำให้ หงส์ไทย ได้มีการประกาศแผนขยายลงทุนใหม่ จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 1 ไร่ ด้วยงบลงทุน 60 ล้านบาท มีการเพิ่มกำลังการผลิต 2-3 เท่าตัว ซึ่งภาพรวมปัจจุบันมียอดผลิตประมาณ 50,000 ขวดต่อวัน พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 ไว้ที่ 500 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดขายรวมประมาณ 300 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด หงส์ไทย ประกาศร่วมสนับสนุนนักกีฬาที่ได้เหรียญคนละ 2 แสนบาท พร้อมมอบ ยาดมสมุนไพร จำนวน 1,200 โหล ให้กับ กกท.  เพื่อส่งแก่ไปยังสมาคมกีฬา ที่มีนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 เป็นอีกแรงกำลังใจให้แก่นักกีฬาไทย และทีมงาน ได้ร่วมเพิ่มพลังผ่าน ยาดม 

สำหรับ ผลประกอบการย้อนหลังของบริษัทคือ 

  • ปี 2561 รายได้รวม 12.96 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.67 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้รวม 18,70 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 6.13 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้รวม 17.82 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 6.13 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 24.84 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5.15 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 62.72 ล้านบาท รายได้รวม 7.82 แสนบาท

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

'นิคมโรจนะ'โซนอันตรายเหลือขายสูงสุดมูลค่า1.7หมื่นล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจอุปทานโดยรวมภาคกลาง ในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั...

ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่ขยับ นักลงทุนชะลอซื้อหลังดัชนีพุ่งแรงวันก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น...

เจาะพอร์ต 5 เซียนชื่อดัง ถือหุ้นปันผลสูงเกิน 5% รวม 18 หลักทรัพย์

การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในทุกปัจจัยอย่างละเอียด ซึ่งม...

น้ำนมดิบอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรครบวงจร

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (...