“อนุสรณ์” ยัน ดิจิทัลวอลเล็ต ได้ประโยชน์ทุกภาคส่วน “สงคราม” แนะฝ่ายค้าน อย่าอคติจนทำลายโอกาสประชาชน มั่นใจตอบโจทย์เศรษฐกิจไทย มุ่งแก้ปัญหาปากท้องคนไทยทั้งประเทศ
วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีการตั้งคำถามว่าค้าปลีกรายย่อยไม่ได้ประโยชน์จากโครงการเติมเงิน 10,000 ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เศรษฐกิจไทยระยะหลังต้องเผชิญกับการเติบโตที่อยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพมาอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวและกำลังซื้อในประเทศซึ่งยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในวงเงิน 450,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลตั้งใจให้เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เป็นการใช้นโยบายการคลัง โดยหวังจะรีสตาร์ตเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้นขึ้นจากภาคการบริโภคของประชาชนไปสู่ภาคการผลิต เพื่อให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นทั้งระบบ ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นตัวเร่งเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชน
ส่วนความกังวลว่าค้าปลีกขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวนั้น นายอนุสรณ์ ระบุว่า ร้านค้าปลีกเป็นตัวกลางในการจำหน่ายและกระจายสินค้า สินค้าไม่ได้ผุดขึ้นมาได้เอง หรือลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ สินค้าเกิดมาจากการผลิตสินค้า มีวัตถุดิบจากชุมชน ประชาชนได้ประโยชน์จากการจ้างงาน การขนส่ง ประเทศได้ประโยชน์จากภาษีที่หมุนวนกลับมาพัฒนาประเทศ ดิจิทัลวอลเล็ต มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ จึงได้ประโยชน์กันทุกภาคส่วน
...
ทางด้าน นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งมีวาระเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยเชื่อว่าการประชุมที่เกิดขึ้นจะเกิดประโยชน์กับประชาชน ซึ่งงบประมาณดังกล่าวสามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจไทยและเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน มั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาปากท้องให้กับคนไทยได้อย่างแน่นอน
ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว สส.จากฝ่ายค้าน นำโดยพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยสร้างไทย ที่ขอสงวนคำแปรญัตติ ในมาตราที่ 4 มีสาระสำคัญ คือการขอตั้งวงเงินงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 122,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่รัฐบาลคิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่กังวลในกรณีที่พรรคฝ่ายค้านประกาศว่าพร้อมที่จะอภิปรายเพื่อตัดลดงบประมาณดังกล่าวเหลือเพียง 10,000 ล้านบาท ในขณะ สส.บางคน ขอแปรญัตติตัดงบประมาณเหลือ 1 บาท การประกาศดังกล่าวเป็นสร้างความหวาดกลัวให้กับคนไทยทั้งประเทศ และไม่คำนึงถึงความเป็นจริงของสังคม ใช้อคติส่วนตัวนำการอภิปราย ถือเป็นการกระทำที่ไม่เห็นหัวประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้
“การที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ร่วมกันผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะรัฐบาลยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ในสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนได้รับผลประทบที่ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านพ้นไป รัฐบาลทราบดีว่าพี่น้องประชาชนประสบปัญหาด้านรายได้และกำลังซื้อหดหาย หากโครงการนี้มีผลบังคับใช้ จะช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ช่วยรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น เมื่อมีการซื้อก็จะผลิตสินค้าเพิ่ม การจ้างงานเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในการอภิปรายครั้งนี้ขอฝ่ายค้านมองด้วยใจเป็นธรรมอย่าอคติ อย่าเป็นฝ่ายค้านที่ค้านจนทำลายโอกาสของประชาชนทั้งประเทศ”