หุ้นชิปโอกาสหรือความเสี่ยง
วันที่ส่ง: 10/06/2024 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
ภาพรวมอุตสาหกรรม Semiconductor โลกในปี 2024 ยังเติบโตได้ต่อ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งการเติบโตหลักจะเป็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นหลัก ในขณะที่ Non-NI ยังได้รับผลกระทบจากการ Destocking ในการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสที่ 1/2567 และการให้ guidance ของบริษัทจดทะเบียนจะเห็นได้ว่า บริษัทต่างๆให้ความสำคัญกับ AI เป็นอย่างมาก พร้อมทุ่มงบประมาณเงินลงทุนในส่วนนี้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี อันเป็นการสะท้อนได้ว่าความต้องการในกลุ่ม Semiconductor นี้จะยังอยู่ในระดับสูง
ในส่วนของ AI ที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างมาก จากความต้องการชิป (Chip) เพื่อลงทุนใน Infrastructure จะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Data center ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 50% CAGR ในช่วงปี 2566-2571 โดยปัจจัยสนับสนุนหลักๆ มาจากการพัฒนาชิปใหม่ๆ ที่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีขึ้น การใช้ Advanced Packaging เป็นต้น
จะเห็นได้จากการที่บริษัทอย่าง NVDIA ได้เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ที่เป็นชิปประมวลผลกราฟิก AI ปรุ่นนี้มีการประมวลผลเร็วขึ้นถึง 30 เท่า เมื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การประมวลผลภาพ หรือการตอบคำถามแชตบอต หรือการที่ TSMC ล่าสุดสามารถผลิตชิปได้เล็กถึงขนาด 3 นาโนเมตรแล้ว และจากแผนงานในปลายปี 2568 จะเริ่มการผลิตของ 2 นาโนเมตร เป็นต้น เมื่อบริษัทผู้ผลิตต้นน้ำเริ่มขยับ ในส่วนของบริษัท ended user หรือ กลุ่มลูกค้าก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนในเรื่องของการลงทุนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามไปด้วย อาทิ เช่น Apple ก็จะเริ่มมีการใช้ชิปใหม่นี้สำหรับ IPhone18 เป็นต้น เราจึงเชื่อว่าแนวโน้มเรื่องของ AI ที่เป็น Megatrend นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Semiconductor
แต่ในส่วนของ Non-AI การเติบโตในภาพรวมทำได้ไม่ค่อยดีมากนัก โดยในกลุ่ม Personal computer (PC) ยังฟื้นตัวได้ช้า เป็นผลจากการ Destocking ปัจจุบันอยู่ใน Destocking phase มาแล้ว 5-6 ไตรมาส ซึ่งคาดว่าน่าจะใกล้จบ cycle และเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 สำหรับกลุ่ม Smartphone ก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวบ้าง
โดยสรุปภาพรวมทาง บลจ.ดาโอ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรม Semiconductor ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น คาดการเติบโตจะยังอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากกระแส AI เป็นหลัก ที่ทำให้อุปสงค์เติบโตเป็นอย่างมากทั้งทางด้านปริมาณขาย (volume) และ ความสามารถในการทำกำไร (Margin) ซึ่งการเติบโตตรงนี้เรามองว่าจะโดดเด่นมาก แม้ในส่วนของ Non-AI จะยังคงต้องรอการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีอีกทีนึง นอกเหนือจากภาพอุตสาหกรรมที่ดีแล้ว ยังมองว่าหากธนาคารกลางอย่าง FED เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ หรือ อัตราพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวลดลงจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นเทคโนโลยี อย่างกลุ่ม Semiconductor ที่ค่อนข้างจะ sensitive ต่อภาวะดอกเบี้ยค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ valuation ที่ค่อนข้างสูง และ growth ที่สูง ดังนั้นจึงว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนสำหรับหุ้นในกลุ่ม Semiconductor ในระยะยาว
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
'นิคมโรจนะ'โซนอันตรายเหลือขายสูงสุดมูลค่า1.7หมื่นล้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจอุปทานโดยรวมภาคกลาง ในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั...
ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่ขยับ นักลงทุนชะลอซื้อหลังดัชนีพุ่งแรงวันก่อน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น...
เจาะพอร์ต 5 เซียนชื่อดัง ถือหุ้นปันผลสูงเกิน 5% รวม 18 หลักทรัพย์
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในทุกปัจจัยอย่างละเอียด ซึ่งม...
น้ำนมดิบอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรครบวงจร
นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (...
ยอดวิว