สูดๆ ดมๆ ฉบับ 'หงส์ไทย' สู่เบอร์หนึ่งในเซเว่นฯ สิ้นปีคาดทำเงิน 500 ล้านบาท

หนึ่งในสินค้ายอดนิยมของประเทศไทยตลอดกาล กับ "ยาดม" ได้กลายเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมสูง จากทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ซึ่งมีแบรนด์ยอดนิยมจากผู้ผลิตไทยในตลาดมากมาย แต่หนึ่งในแบรนด์ฮิตที่ถูกพูดถึงอย่างมากกับ ยาดม "หงส์ไทย" ในปัจจุบันได้กลายเป็นสินค้า SME ดาวเด่นในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของ “เสน่ห์ความเป็นไทยใครๆ ก็หลงรัก” พร้อมสร้างยอดขายได้สูงในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ไปแล้ว

ยาดมหงส์ไทย ร้อนแรงที่ขนาดคนดังระดับโลกอย่าง "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" รวมไปถึงนักแสดงชายชื่อดังจากฮอลลีวู้ด "คริส เฮมส์เวิร์ธ" พกพาให้เห็นผ่านโชเชียลมาแล้ว รวมถึง แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวอังกฤษ กับ "เซนทรัล ซี" หรือ (Central Cee) ก็เป็นแฟนของหงส์ไทย แถมสั่งซื้อสินค้าผ่าน อเมซอนด้วยเมื่อสินค้าหมด!

 

 

 

“ความสำเร็จไม่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน” เรื่องราวของการสร้างแบรนด์ต่างๆ เป็นสิ่งที่นำมาใช้กับ ยาดม "หงส์ไทย" ได้เสมอ พิสูจน์ได้จากเส้นทางการสร้างแบรนด์มากว่า 18 ปี จนกระทั่งแบรนด์จะก้าวสู่อันดับต้นในประเทศไทยได้นั้น ได้ผ่านมรสุมหลายลูก จนพัฒนาเส้นทางธุรกิจเติบโตสู่ยอดขาย 300 ล้านบาทในปัจจุบัน พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2567 จะโบยบินแตะระดับ 500 ล้านบาท

“ธีระพงศ์ ระบือธรรม” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด หรือ ทุกคนเรียกว่า พี่เก่ง ฉายภาพการสร้างแบรนด์มาตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา หงส์ไทยประสบวิกฤติครั้งใหญ่ใน 3 ด้านคือ เรื่องการบริหารคน วิกฤติต้นทุน และพนักงานขาย เป็นจุดที่แบรนด์ต้องปรับแผนครั้งสำคัญ ปรับแผนการวางกลยุทธ์ พร้อมนำธุรกิจสามารถเติบโตได้อีกครั้ง

ชี้ 3 วิกฤติหนักกระทบธุรกิจ 

  • วิกฤติแรกคือ การบริหารคน ต้องใช้กลยุทธ์ “ เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา”

หากย้อนกลับไปในช่วง 8 ปีแรกของการสร้างแบรนด์ ได้เผชิญปัญหาพนักงานแบบรายวัน ทั้งคน "ในองค์กรที่มีการปลุกปั่น สร้างความเข้าใจผิดผู้บริหารและองค์กร" จึงต้องใช้แนวทางสำคัญคือ "ยึดหลักไม่เอาชนะความคิดที่ผิดด้วยการตอบโต้แบบไร้เหตุผล แต่เอาความจริงชนะความคิดที่ผิด"

รวมถึงมุ่งใช้หลักเหตุและผลในการบริหารและพูดคุยกับพนักงาน ปรับทัศนคติ คิดแบบเชิงบวก ใช้เวลาพิสูจน์ แก้ปัญหาตามความเป็นจริง รวมถึงปรับกลยุทธ์การบริหารคน แบบ “เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา” เน้นสร้างความเข้าใจในตัวพนักงาน ให้ทุกคนเข้าใจกัน เมื่อองค์กรเข้าใจพนักงาน สิ่งที่ได้คือ พนักงานเข้าใจในตัวองค์กรและพร้อมก้าวไปข้างหน้ากับองค์กร ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทไม่มีปัญหาเรื่องบุคลากร "ลาออก หรือเข้าใจผิดในตัวองค์กร" ซึ่งหงส์ไทยมีพนักงานเก่าที่อยู่กับหงส์ไทยมากกว่า 10 ปีถึงกว่า  200 คน จากพนักงานทั้งหมดที่มีในอยู่ราว 500 คน

 

  • วิกฤติต้นทุนพุ่ง มุ่งใช้แนวทาง “บริหารด้วยเงินสด รู้ความสามารถตัวเอง”

ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 บริษัทประสบปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่งติดต่อกัน 30 เดือน จากปกติราคา 1,300 บาทต่อกิโลกรัมเป็น 2,000 บาทต่อกิโลกรัม แต่บริษัทไม่คิดหยุดดำเนินธุรกิจ เนื่องจากมีพนักงานในองค์กรต้องดูแลรับผิดชอบ จึงเน้นบริหารจัดการแบบมีเงินทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติที่จำเป็นต้องมีเงินสดสำรองให้มากพอ 

ในปัจจุบัน บริษัทมุ่งบริหารจัดการแบบเงินสดหมุนเวียน ไม่มีการยื่นขอสินเชื่อ ทำให้องค์กรรู้ความสามารถของตัวเอง สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองได้ และพยายามพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นเพื่อสร้างการเติบโต

“บริษัทมีพนักงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบ คิดเพียงแค่ว่าวันนี้ยอมขาดทุน อนาคตเดี๋ยวก็ได้กำไร ต้องยอมนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปหมุนเป็นเงินสด เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจ พอเริ่มที่จะปรับตัวได้ก็ต้องเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด 19  ทำให้ยอดขายหายกว่า 85% บริษัทใช้กลยุทธ์ทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน ทำแบบนี้อยู่ 2 เดือน และมีนโยบายไม่มีการปลดพนักงานเลย ในช่วง 2 เดือนแรกจ่ายค่าจ้าง 50% เดือนที่ 3-4 จ่าย 80% เดือนที่ 5 กลับมาจ่าย 100%  และมีการชดเชยแบบให้เปล่านาน 2 เดือน ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะปกติ”

  • วิกฤติพนักงานขายไร้มาตรฐาน ต้องปรับวิธี “ตั้งมาตรฐานใหม่ สร้างความแตกต่าง”

อีกฟันเฟืองสำคัญขององค์กรคือ “พนักงานขาย” ช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ผ่านมาเผชิญปัญหาเรื่องความเข้าใจไม่ตรงกัน มาจากแนวคิดและวิธีการทำการตลาดที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้วิธีเปรียบเทียบสินค้ากับสินค้าของบริษัทอื่น กล่าวอ้างว่าสินค้าของบริษัทดีกว่าอย่างไร แต่ความเป็นจริงพนักงานขายของบริษัทต้องทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพราะตัวสินค้าของบริษัทดีจริงๆ ไม่ใช่เพราะการเปรียบเทียบกับใคร หรือมุ่งทำแต่ยอดขายเพียงอย่างเดียว เพื่อหวังค่าคอมมิชชั่น ทำให้ช่วงแรกบริษัทไม่สามารถสร้างยอดขายหรือขยายตลาดได้ เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก 

บริษัทได้ปรับสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับพนักงานขาย โดยพนักงานของบริษัทไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานมุ่งหวังแต่จะสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว จนลืมจรรยาบรรณในการค้าขาย บริษัทไม่จำเป็นต้องเหยียบผู้ค้าคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เพราะไม่ใช่วิธีที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน

"บริษัทมุ่งทำการค้าไม่ใช่มาหาศัตรูคู่ค้า วันนี้ขายไม่ได้ ... ไม่ใช่ว่าจะขายไม่ได้ตลอดไป หรือลูกค้ารายไหนอยากทดลองนำสินค้ามาขายก่อนในจำนวนเพียงไม่กี่ชิ้น ทางบริษัทก็ยินดีส่งให้ เพราะบริษัทต้องการมอบสิ่งที่ดีให้กับคู่ค้าและลูกค้าทุกคน บนมาตรฐานเดียวกัน นำมาสู่ความเชื่อใจในตัวสินค้าและองค์กรในอนาคต"

ลงทุนใหม่ 60 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 2-3 เท่าตัว

ทั้งนี้ จากการไม่หยุดนิ่งและผลักดันวิกฤติสู่โอกาสใหม่ๆ เสมอ ทำให้บริษัทได้เข้ามาจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ "เซเว่น อีเลฟเว่น" จึงสร้างยอดขายของแบรนด์ “หงส์ไทย” เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

อีกทั้งจากแนวโน้มธุรกิจที่ขยายตัว จึงได้ขยายลงทุนใหม่ จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 1 ไร่ ใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว จากปัจจุบันมียอดผลิตอยู่ที่ประมาณ 50,000 ขวดต่อวัน พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 ไว้ที่ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ตั้งเป้าหมายในปี 2570 จะเป็นบริษัทที่มีบริการหลังการขายที่ดีที่สุดของวงการยาใช้ภายนอกของไทย เช่น การสร้างมาตรฐานพนักงานขายเดียวกันทั้งหมด ป้องกันการใช้กลยุทธ์การขายเรื่อง ลด แลก แจก แถม เพื่อให้เกิดมาตรฐานด้านการบริการ พนักงานขายทุกคนสามารถขายได้ทั่วประเทศ สินค้าที่ขายไม่หมดหรือขายไม่ได้บริษัทเปลี่ยนให้ เป็นต้น

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

'นิคมโรจนะ'โซนอันตรายเหลือขายสูงสุดมูลค่า1.7หมื่นล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจอุปทานโดยรวมภาคกลาง ในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั...

ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่ขยับ นักลงทุนชะลอซื้อหลังดัชนีพุ่งแรงวันก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น...

เจาะพอร์ต 5 เซียนชื่อดัง ถือหุ้นปันผลสูงเกิน 5% รวม 18 หลักทรัพย์

การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในทุกปัจจัยอย่างละเอียด ซึ่งม...

น้ำนมดิบอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรครบวงจร

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (...