ซีอีโอ 'เจพีมอร์แกน' ได้ค่าตอบแทนนิวไฮ! เฉียดแตะ 1,280 ล้านบาท ปี 66

Keypoints:

  • เจมี ไดมอน ได้ค่าตอบแทนจากเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 4.3% เป็น 36 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,279 ล้านบาท) ในปี 2566
  • เจพีมอร์แกน ทำกำไรสุทธิประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว หลังเข้าซื้อธนาคารเฟิร์ส รีพับลิค ที่ล้มละลายในเดือน พ.ค.
  • กำไรรวมทั้งปี 2566 ของเจพีมอร์แกน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 49,600 ล้านดอลลาร์ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ทั้งปีเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า

ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) ว่า บริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนให้นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เพิ่มขึ้น 4.3% เป็น 36 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,279 ล้านบาท) ในปี 2566

ข้อมูลเอกสารที่ธนาคารฯ ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลระบุว่า แพ็คเกจค่าตอบแทนประจำปี 2566 ของนายไดมอนประกอบด้วย

  • เงินเดือน 1.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 53.3 ล้านบาท)
  • โบนัสตามผลงาน 34.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,226 ล้านบาท) แบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านดอลลาร์ และหุ้น 29.5 ล้านดอลลาร์

คณะกรรมการบริษัทฯ ระบุในเอกสารยื่นว่า “ค่าตอบแทนประจำปี 2566 สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการบริษัทฯ ของนายไดมอน ซึ่งส่งผลให้สายธุรกิจหลักทุกด้านเติบโต บรรลุผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ และฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถนำพาและสนับสนุนลูกค้าผ่านความวุ่นวายในแวดวงธนาคารระดับภูมิภาค รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของธนาคารเฟิร์ส รีพับลิค (First Republic) ได้สำเร็จ”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจพีมอร์แกนทำกำไรสุทธิประจำปีได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว หลังจากเข้าซื้อธนาคารเฟิร์ส รีพับลิค ที่ล้มละลายในเดือน พ.ค. โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากการปล่อยกู้และดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่ผู้ฝากเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในเดือนนี้ เจพีมอร์แกนรายงานว่า กำไรไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ลดลง 15% แต่กำไรรวมทั้งปีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 49,600 ล้านดอลลาร์ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ทั้งปีเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า

สำหรับนายไดมอน วัย 67 ปี เข้าดำรงตำแหน่งซีอีโอเจพีมอร์แกนมาตั้งแต่ปี 2548 โดยข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส (Forbes) ประมาณการว่า นายไดมอนมีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 67,500 ล้านบาท) ณ วันที่ 19 ม.ค.67

เมื่อเดือน ต.ค. 2566 เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า นายไดมอนและครอบครัวตั้งใจจะขายหุ้น 1 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 8.6 ล้านหุ้น แต่โฆษกธนาคารฯ กล่าวในขณะนั้นว่า การตัดสินใจขายหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสืบทอดตำแหน่งผู้นำ และนายไดมอนไม่มีแผนที่จะขายหุ้นเพิ่มในปัจจุบัน แต่อาจพิจารณาขายอีกในอนาคต

อ้างอิง: Reuters, Bloomberg

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...