โอกาส ‘แลนด์บริดจ์‘ เจาะตลาด ’BIMSTEC’ 6 ประเทศ ประชากร 1,730 ล้านคน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มเติมต่อประเด็นโครงการ Landbridge ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญว่า รัฐบาลมุ่งต่อยอดใช้ประโยชน์ ในฐานะที่ไทยมีจุดแข็ง เป็นพื้นที่ทางผ่านหลักของโครงข่ายความร่วมมือต่างๆ ในทวีปเอเชียและเป็นจุดศูนย์กลางความเชื่อมโยงระหว่างภาคพื้นทวีปกับมหาสมุทรของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อได้เปรียบด้านปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Factor) นี้ จึงเป็นโอกาสการพัฒนาให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางลงทุนอุตสาหกรรมและการขนส่งของภูมิภาคและของโลกในการผลิตและกระจายสินค้าสู่นานาประเทศอย่างแท้จริง 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า โครงการ Landbridge จะสามารถเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าที่ผลิตในไทยไปสู่ประเทศสมาชิกความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ภูมิภาคเบงกอลอีก 6 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ เมียนมา เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา และอินเดีย ที่มีประชากรจำนวนประมาณ 1,730 ล้านคน

 

โดยภูมิภาคนี้ถือว่าเป็น Missing Market หรือตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุน คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสินค้าไปยังตลาดในกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Subregion: GMS) ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และ จีน พื้นที่ทางธุรกิจแบบ Blue Ocean ที่มีการแข่งขันไม่สูงมากและมีคู่แข่งน้อย  

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเชื่อมอ่าวไทย-อันดามันด้วยโครงการ Landbridge จะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ทั้งสองฝั่ง สร้างความเจริญ กระจายรายได้ให้พื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ รวมทั้ง Landbridge อยู่ในพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบสามารถลดความเสี่ยงต่อเหตุไม่คาดคิดหากเกิดกับเส้นทางการเดินเรือเส้นทางอื่น

“รัฐบาลมองวิสัยทัศน์ต่อโครงการ Landbridge ในภาพกว้าง ว่าจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุน ที่ต้องการบริหารความเสี่ยง เห็นประโยชน์จากโอกาส และเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่งของภูมิภาคและของโลกอย่างแท้จริง รวมทั้ง ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการขนส่งทางเรือของโลกเพื่อการขนส่งสินค้าได้เร็ว คล่องตัว

และปลอดภัย ด้วยการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์’ (Geopolitical Competition) ของโลกทำให้เกิดประโยชน์จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Factor) ของไทย” นายชัย กล่าว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

'นิคมโรจนะ'โซนอันตรายเหลือขายสูงสุดมูลค่า1.7หมื่นล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจอุปทานโดยรวมภาคกลาง ในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั...

ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่ขยับ นักลงทุนชะลอซื้อหลังดัชนีพุ่งแรงวันก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น...

เจาะพอร์ต 5 เซียนชื่อดัง ถือหุ้นปันผลสูงเกิน 5% รวม 18 หลักทรัพย์

การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในทุกปัจจัยอย่างละเอียด ซึ่งม...

น้ำนมดิบอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรครบวงจร

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (...