โควิด-19 รอบสัปดาห์หลังปีใหม่ ติดเชื้อเพิ่ม-สหรัฐฯเตือนอาจเกิดการระบาดระลอกใหม่
วันที่ส่ง: 08/01/2024 - ผู้เขียน: พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36
กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 53 ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.66- 6 ม.ค.67 มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล 664 ราย เฉลี่ยรายวัน 95 รายต่อวัน ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 39,121 ราย พบว่ากราฟสูงขึ้นจากช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ขณะที่ผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ที่ 144 ราย และ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 89 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต สัปดาห์นี้มีรายงานจำนวน 4 ราย เฉลี่ยวันละ 1 ราย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 852 ราย
สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังไม่พบการรายงานว่ามีผู้เข้ารับวัคซีนเพิ่มเติม โดยในปัจจุบันฉีดวัคซีนสะสม 144,951,341 โดส แบ่งเป็น วัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 57,233,919 โดส คิดเป็น 82.28% เข็มที่ 2 จำนวน 53,730,348 โดส คิดเป็น 77.25% และตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป จำนวน 33,987,074 โดส
ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็ได้ โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯกังวล! ที่ประชาชนส่วนหนึ่งของประเทศเลือกที่จะเชื่อว่าการระบาดของโควิด-19 ได้ยุติและผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมปฏิเสธการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่แม้แต่มาตรการพื้นฐานอย่างง่าย เช่นการสวมหน้ากากอนามัยในที่ผู้คนหนาแน่นก็ถูกละเลย ในขณะที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ 13 ประการกลับบ่งชี้ว่าการระบาดระลอกใหม่โควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 กำลังจะเกิดขึ้น และจำนวนผู้ป่วยจากลองโควิดน่าจะเพิ่มตามด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ 13 ประการกลับบ่งชี้ชัดเจนว่าการระบาดระลอกใหม่โควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 กำลังจะเกิดขึ้น และจำนวนผู้ป่วยจากลองโควิดน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย กล่าวคือ
- โอมิครอน JN.1 เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา มีชาวอเมริกันประมาณ 2 ล้านคนที่ติดเชื้อในแต่ละวัน
- ช่วงปลายปี 2566 พบจำนวนโอมิครอน JN.1 ในแหล่งน้ำเสียทั่วโลก(ที่มีปัสสาวะและอุจจาระปนเปื้อน) เพิ่มสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อน บ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแหล่งน้ำร่วมด้วย นอกเหนือจากการติดต่อโดยสารคัดหลั่งจากการไอ-จาม
- ข้อมูลในอดีตยังแสดงให้เห็นว่าชุมชนใดที่ตรวจพบไวรัสโควิด-19 ในแหล่งน้ำ จากนั้นประมาณ 1-2 อาทิตย์ถัดมามักจะพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากชุมชนนั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
- โอมิครอน JN.1 สืบเชื้อสายมาจาก BA.2.86 โดยมีความแตกต่างทางสายวิวัฒนาการจากโอมิครอนเชื้อสาย XBB* ที่ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในปีพ.ศ. 2566 โดยมีการกลายพันธุ์ส่วนหนามของอนุภาคไวรัสที่ใช้ยึดเกาะกับเซลล์มากกว่า 30 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอมิครอน XBB.1.5 และการกลายพันธุ์ส่วนหนามดังกล่าวยังช่วยเพิ่มศักยภาพของโอมิครอน JN.1 ให้สามารถหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้สูงขึ้น ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายพันธุ์ XBB* ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน JN.1 ได้ดีนัก
- โอมิครอน JN.1 สืบเชื้อสายมาจากโอมิครอน BA.2.86 เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 โดยมีการกลายพันธุ์ส่วนหนาม 1 ตำแหน่งที่ “Leu455Ser” และการกลายพันธุ์อีก 3 ตำแหน่งนอกบริเวณส่วนหนามต่างจากโอมิครอนพ่อแม่ BA.2.86
- ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ของโอมิครอน JN. 1 สูงกว่าโอมิครอน BA.2.86 และ HK.3 ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก EG.5.1<--XBB.1.5 ถึง 79% บ่งชี้ว่าโอมิครอน JN.1 จะแพร่ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่โอมิครอนสายพันธุ์อื่นใน ปี 2567
- โอมิครอน JN.1 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามที่ทำให้ความสามารถในการจับกับตัวรับ “ACE2” บนผิวเซลล์มนุษย์ลดลงบ้าง แต่ก็แลกมาด้วยการหลบเลี่ยงภูมิกันสูงกว่าโอมิครอนรุ่นพ่อแม่ BA.2.86 อย่างมีนัยสำคัญ จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า โอมิครอน JN.1 สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดในปัจจุบัน
- วัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นล่าสุดที่ใช้หัวเชื้อหรือสารตั้งต้นเป็นโอมิครอน XBB.1.5 สามารถกระตุ้นร่างกายให้สร้างแอนติบอดีเข้าจับและทำลายโอมิครอนทั้งตระกูลรวมทั้งสายพันธุ์ JN.1 ในหลอดทดลองได้ดี และสามารถลดความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อโอมิครอนรวมถึงสายพันธุ์ JN.1 ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. และรักษาตัวในห้องฉุกเฉินลงได้ถึงประมาณ 60% อย่างไรก็ดีกลับพบว่ามีเพียง 19% ของชาวอเมริกันกลุ่มเปราะบางที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นล่าสุดโมโนวาเลนต์ XBB.1.5 โดยเป็นที่แน่ชัดว่าการติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่จะทำให้ชาวอเมริกันอาจต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการ “ลองโควิด”เพิ่มมากขึ้น
- จำนวนผู้เจ็บป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอมิครอน JN.1 ขณะนี้ยังไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ย่อมทำให้มีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
- สหรัฐฯ ได้ลงทุนในวัคซีนชนิดรับประทาน วัคซีนสูดดม แต่ยังไม่ได้รับการผลักดันให้แล้วเสร็จในปีนี้ 2567
- สาธารณสุขสหรัฐฯให้ความสำคัญการทำวิจัยเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคลองโควิด(long covid) ลดลง
- หน่วยงานในสหรัฐลดจำนวนการสุ่มตรวจและถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19 ทำให้การติดตามการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กระทำได้ยากขึ้น ไม่เรียลไทม์
- ในสหรัฐฯการรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและใส่หน้ากากอนามัยลดลง
ประเทศไทยอาจถอดบทเรียนจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯมาปรับใช้ได้
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief
รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...
‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’
นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...
เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า
“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...
ยอดวิว