WHO ประกาศ โอมิครอนJN.1 เป็นสายพันธุ์น่าสนใจแต่ยังไม่เป็นภัยคุกคาม
วันที่ส่ง: 21/12/2023 - ผู้เขียน: พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุให้โควิดโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ (Variants of Interest - VOI)เพราะเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของโอมิครอน BA.2.86 ยังถือว่าไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ
จากหลักฐานข้อมูลความเสี่ยงด้านสาธารณสุขโลกของโควิดโอมิครอน JN.1 ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยเมื่อต้นเดือนธันวาคมว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน JN.1 ราว 15%-29% ของผู้ป่วยโควิดในสหรัฐฯ
แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพจากโควิดกลายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน
ด้านศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เตือนการแพร่ระบาด JN.1 ที่สูงขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ถึง 75% โดยมีการรายงานจากสาธารณสุขสิงคโปร์ ถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่อง 56,043 รายในวันที่ 3-9 ธันวาคม 2566 เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้ามีผู้ติดเชื้อจำนวน 32,035 ราย ในขณะที่ประเทศไทยพบเพียงรายเดียว(จากฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรายวันเพิ่มขึ้นจาก 225 ราย เป็น 350 ราย ในช่วงเวลาเดียวกัน คิดเป็น การเพิ่มขึ้น 55% ของจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ขณะที่อัตราการเข้ารับการรักษาใน ICU รายวันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 4 ราย เป็น 9 ราย คิดเป็น การเพิ่มขึ้น 125% ของจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาใน ICU แม้จำนวนยังไม่มากแต่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่ของผู้ป่วยติดเชื้อจากโอมิครอน JN.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน BA.2.86 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลชัดเจน (ในสิงคโปร์) ว่าโอมิครอน BA.2.86 หรือ JN.1 มีความสามารถในการแพร่กระจายหรือทำให้เกิดโรครุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่นที่กำลังแพร่ระบาดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่ที่มีคนพลุกพล่านแม้ว่าจะไม่ป่วย โดยเฉพาะในที่ปิดหรือเมื่อไปเยี่ยมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยง และถือว่าการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันหลักต่อ โรคโควิด-19 และยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรครุนแรง อัตราการเข้าโรงพยาบาลลดลงอย่างมากในหมู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม โควิดโอมิครอน JN.1 ถูกพบครั้งแรกในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน อ้างอิงจากข้อมูลของ CDC ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ 7 รายในประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก : กองหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ Center for Medical Genomics
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง
จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...
Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%
Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...
ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...
‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ
วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...
ยอดวิว