'ลิซ ทรัสส์' VS 'เศรษฐา ทวีสิน' l กันต์ เอี่ยมอินทรา

เป็นที่ถกเถียงกันตั้งแต่ออกนโยบาย จนกระทั่งปัจจุบันกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทั้งความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และที่มาของเงิน

เสียงคัดค้านหลักที่สมควรให้น้ำหนักมากที่สุดก็คือ เหล่าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการเงินการคลัง ที่อยู่ทั้งในภาครัฐอย่างแบงก์ชาติ (ธปท.) กระทรวงการคลัง ตลอดจนนักธุรกิจ และนักวิชาการ

การออกนโยบายที่ใช้เงินมากมายเช่นนี้แจกลงไปให้กับประชาชนไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นครั้งแรก รัฐบาลทั่วโลกแจกกระหน่ำมาแล้วในช่วงโควิด-19 เพราะเศรษฐกิจแย่ ไม่มีเงินหมุนในระบบ จึงมีความจำเป็นที่จะเอาเงินที่มีหรือแม้กระทั่งกู้เงินจากแหล่งภายนอกมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ให้เงินหมุนในระบบ มิเช่นนั้นแล้ว ผู้คนก็จะลำบาก

การแจกก็มีหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแจกแบบถ้วนหน้าของญี่ปุ่นภายใต้เกณฑ์ทั่วไป การแจกแบบขั้นบันไดของอังกฤษ และการแจกอย่างมีเงื่อนไขบางประการ อาทิ ไทย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการใช้เงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในบางภาคส่วน อาทิ การท่องเที่ยว เช่น นโยบายเที่ยวด้วยกันของไทย ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีเช่นเดียวกัน

ทั้งยังมีนโยบายการช่วยเหลือค่าครองชีพ เช่น โครงการคนละครึ่งของไทย หรือโครงการช่วยเหลือค่าพลังงานสูงของหลายๆ ประเทศในยุโรป แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถือเป็นความจำเป็นในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคืองทั้งสิ้น

นโยบายหลังยุคโควิด ส่วนใหญ่ที่ชัดเจนก็จะเป็นนโยบายส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจที่มิใช่การแจกเงินโดยตรง อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไต้หวันในรูปแบบการชิงโชคเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือการแจกตั๋วเครื่องบิน(กึ่ง)ฟรีของทางการฮ่องกงกว่า 5 แสนใบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ใช้เงินสูงและออกจะแหวกขนบธรรมเนียมวินัยการคลังเช่นนี้ มีความเสี่ยงสูง ซึ่งก็หมายถึงผลตอบแทนที่สูง เช่นเดียวกับการขาดทุนที่ย่อยยับหากผลไม่เป็นไปตามที่คาด

กรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไปพ้นกรณีของอังกฤษภายใต้การนำช่วงสั้นๆ ของ “ลิซ ทรัสส์” อดีตนายกฯหญิงที่เลือกดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เสี่ยงและถูกคัดค้านอย่างหนักโดยบรรดานักวิชาการด้านการเงินการคลังของอังกฤษ บีบให้ทรัสส์ต้องลาออกจากตำแหน่งหลังขึ้นดำรงตำแหน่งได้เพียง 50 วัน

ทรัสส์ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษี ทำให้ที่เกิดคำถามถึงที่มาของเงินงบประมาณ โครงการมากมาย แต่ไม่รู้จะหาเงินที่หายไปจากการลดภาษีมาจากส่วนใด เกิดเป็นคำถามที่สำคัญ ทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือแม้กระทั่งคนในพรรคเองล้วนเห็นต่าง

ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้เกิดปัญหาเงินปอนด์อ่อนค่าสุดเป็นประวัติการณ์ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านขึ้นอย่างรุนแรง ราคาพันธบัตรรัฐบาลด้อยค่าอย่างหนัก ร้อนถึงธนาคารการที่จำต้องเข้ามาแทรกแซง

ถึงแม้ทรัสส์แก้ปัญหาโดยพยายามกลับลำนโยบาย ไปจนถึงเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเศรษฐกิจได้พังไปแล้วในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทรัสส์ดำรงตำแหน่ง จึงเกิดแรงกดดันอย่างหนัก และในที่สุดแล้ว ทรัสส์จึงจำต้องลงจากตำแหน่ง

ทรัสส์ไม่ได้ชนะเลือกตั้ง เพราะสืบอำนาจต่อจากบอริส จอห์นสัน ขณะเดียวกันก็ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่รุนแรง ลงโทษทั้งตัวเธอเองและคนอังกฤษทั่วประเทศ จึงสมควรเป็นกรณีศึกษาแก่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯของเรา อย่างยิ่ง

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...