Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 21 August 2023

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 75 - 84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 78 - 87 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (21 - 25 ส.ค. 66)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งประกาศออกมาในเดือน ก.ค. 66 ยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ภาคการเงินของจีนยังคงเผชิญกับปัญหาการผิดชำระหนี้ของบริษัท Country Garden ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และ Zhongrong International Trust หนึ่งในบริษัททรัสต์รายใหญ่ที่สุดในของจีน ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความไม่แน่นอน หลัง Fitch rating ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดอันดับเครดิตในภาคธนาคารของสหรัฐฯ ด้านอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากไนจีเรียและอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

 

 


 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

- ตลาดยังคงกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจของสำนักเศรษฐกิจแห่งชาติของจีน (NBS) เผยว่า ดัชนียอดค้าปลีกขยายตัวเพียง 2.5% ในเดือน ก.ค. 66 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 3.1% และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 4.5% เช่นเดียวกับตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.7% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 4.4% ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอดังกล่าวมีทิศทางเดียวกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ, ดัชนีผู้จัดฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต, ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือน ก.ค. ซึ่งประกาศออกมาในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า 

- Zhongrong International Trust หนึ่งในบริษัททรัสต์รายใหญ่ของจีน ผิดชำระหนี้ให้กับลูกค้า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังบริษัท Country Garden ซึ่งถือเป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน มีปัญหาการผิดชำระหนี้หุ้นกู้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงปัญหาในภาคการเงินของจีน ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางประเภท 1 ปี (MLF) ลงจาก 2.65% เป็น 2.50% โดยการลดดอกเบี้ยดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน

- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความไม่แน่นอน หลังนักวิเคราะห์ของ Fitch Rating เผยว่า อาจมีการปรับลดอันดับเครดิตของภาคธนาคารกลางสหรัฐฯ ลง จากระดับ AA- สู่ระดับ A+ ซึ่งหากการปรับลดมีขึ้นจะส่งผลให้ธนาคารขนาดใหญ่ อันได้แก่ JP Morgan และ Bank of America จะถูกปรับลดเครดิตเช่นเดียวกัน เนื่องจากอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารจะไม่สามารถสูงกว่าอันดับเครดิตของภาคธนาคารได้ การเปิดเผยนี้มีขึ้นภายหลัง Moody ปรับลดอันดับความน่าเชื่อของธนาคารขนาดเล็กและกลางของสหรัฐฯ กว่า 10 แห่ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
 

 

- อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวลดลง เนื่องจากท่าส่งออกน้ำมันดิบ Forcados ของไนจีเรีย ซึ่งมีการส่งออกที่ระดับ 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สามารถกลับมาส่งออกได้ตามปกติ ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่าน เดือน ส.ค. 66 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าเดือนก่อนหน้าราว 0.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในดือน ก.ย. 66 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 6.8% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 7.9% และถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพี ในไตรมาสที่ 2/66 มีการเติบโตที่ระดับ 0.2 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และถือเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/65

- ตลาดจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว (BRICS) อันประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีนและแอฟริกาใต้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค. นี้ โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาเพื่อรับสมาชิกใหม่จำนวน 22 ชาติ ซึ่งชาติดังกล่าวรวมถึงชาติมหาอำนาจในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC) อันได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย, อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

- เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อันได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน ส.ค. 66 และยอดขายบ้านเดือน ก.ค. 66 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน ส.ค. 66 ของยุโรป

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 - 18 ส.ค. 66)  


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.94 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 81.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 2.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 84.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. 66 ที่ผ่านมาว่าคณะกรรมการเฟด มีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด แสดงถึงความไม่แน่นอนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ จากรายงานประชุมของคณะกรรมการเฟด ยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อเป็นลำดับต้นๆ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือน ก.ย. แต่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ส.ค. 66 ปรับตัวลดลงกว่า 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 439.7 ล้านบาร์เรล โดยปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ดีมานด์ออฟฟิศย่านซีบีดีกทม.พุ่ง! รับอานิสงส์ต่างชาติย้ายสำนักงานใหญ่

ปัญญา เจนกิจวัฒนาเลิศ กรรมการบริหารหัวหน้าส่วนพื้นที่สำนักงาน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย...

แรงเหวี่ยง“ลานีญา-ส่งออกสัญญาณดี” หนุนจีดีพีเกษตรปี67โต0.2-1.2%

ตั้งแต่ไทยเข้าสู่ฤดูฝน (20 พ.ค. 2567) ถึง ณ วันที่ 27 ส.ค. 2567 มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบจากอุท...

ถ้าจะลาออก จะ ”บอกเจ้านายยังไงดี” ให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย !?

Part.1.เรื่องธรรมดา กับ เรื่อง ไม่ธรรมดา เมื่อพนักงาน ลาออก !? เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่แต่ละที่...

เตรียมโรดทริป 'อันดามัน' เส้นทางใหม่ ถนนเลียบชายฝั่ง เชื่อม 6 จังหวัดยอดฮิต !

โครงการศึกษาความเหมาะสมพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ช่วงจังหวัดระนอง – สตูล หนึ่งใ...