ออกสตาร์ต

มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” จุดไฟเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันวาน

คงได้เห็นความยิ่งใหญ่ของจีนในการเป็นเจ้าภาพไปแล้ว จากนี้ไปเท่ากับว่า การเริ่มต้นไล่ล่าเหรียญของนักกีฬาจากชาติต่างๆก็จะเริ่มขึ้น

ซึ่งประเดิมชิงชัยเหรียญทองวันแรกกันที่ 31 เหรียญ จากทั้งหมดที่มีให้แย่งกันจนถึงวันที่ 8 ต.ค. รวม 481 เหรียญทอง ใน 40 ชนิดกีฬา

ขณะที่ทัพนักกีฬาไทยเรานั้น เที่ยวนี้ไปแข่งกัน 939 คน เป็นชาย 508 คน และหญิง 431 คน แต่ถ้ารวมเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆด้วย จะไปกันทั้งสิ้น 1,411 คน

โดยก่อนหน้านี้ก็มีการประเมินถึงความหวัง หรือจะเรียกเป้าหมายก็แล้วแต่ของทัพนักกีฬาไทย ซึ่งก็มีตัวเลขที่แตกต่างกันบ้าง ตามองค์กรผู้ประเมินจากการที่ทีมกีฬามาให้ข้อมูล

อย่างองค์กรหลักฝ่ายรัฐ การกีฬาแห่งประเทศ ไทย ก็ตั้งเป้าไว้ที่ 23 เหรียญทอง แจงรายละเอียดไว้เป็นข้อมูลเทียบเคียงกันอีกครั้งก็ มวยสากล 5, เซปัก ตะกร้อ 3, กรีฑา 3, คาราเต้ 2 ส่วนเทควันโด, ยิงปืน, ยูยิตสู, อีสปอร์ต, เรือใบ, ขี่ม้า, โรลเลอร์สเกต, จักรยาน, กาบัดดี้ และเรือแคนูคยัค กีฬาละ 1 เหรียญทอง

ฟากของสมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดงาน “มีตเดอะเพรส” สมาคมกีฬามาให้ข้อมูลและประเมินเองไว้ที่ 15 เหรียญทอง ตัวเลขที่ต่างกันอยู่กับ กกท.ก็จากมวยสากล 1, เซปักตะกร้อ 4, ยิงปืน 2 เหรียญ, โรลเลอร์สเกต 2 และรวมถึงกีฬาอย่าง กรีฑา, จักรยาน กับขี่ม้า ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายเหรียญทอง

ส่วนกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งก่อน ที่อินโดนีเซีย ปี 2018 ไทยเราได้มา 11 เหรียญทอง, 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง

แน่นอนว่า เป้าก็คือเป้า และสมาคมกีฬาเองบางแห่งก็แอบหวังแต่ไม่อยากบอกไปให้กดดันตัวเอง บ้างก็ประเมินตัวเองเชิงบวกไว้ก่อน ก็ตามแต่เหตุและผลส่วนตัว แต่ในที่สุดข้อเท็จจริงก็จะปรากฏขึ้นเมื่อต้องลงสนามจริง

และเช่นกันไม่ได้หมายความว่าเหรียญทอง หรือเหรียญใด จะมีผลและสะท้อนภาพความสำเร็จ และชี้วัดต่อการพัฒนาในชนิดกีฬานั้นๆได้อย่างเป็นจริง ด้วยต้นทุนที่มีมาในสภาพความเป็นจริงในนักกีฬา ทีมกีฬา และสมาคมกีฬาไทยเรา ของแต่ละกีฬาก็แตกต่างกัน รวมถึงศักยภาพของคู่แข่งในกีฬานั้นๆก็ต่างกันด้วย

การพัฒนาหรือไม่จึงต้องแยกแยะกับการได้มาซึ่งเหรียญในบางกีฬา ซึ่งเชื่อว่าแฟนๆกีฬาทั้งหลาย รับรู้ รับทราบกันดีว่า กีฬาที่เราชื่นชอบ เราเชียร์และเป็นกำลังใจให้นั้น จะสะท้อนศักยภาพออกมาเช่นไร จึงจะนำมาซึ่งความพึงพอใจ หล่อเลี้ยงการสนับสนุนค้ำชู เคียงข้างกันต่อไป

นั่นหมายถึงตัวเองย่อมเป็นผู้ประเมินผลงานในแต่ละกีฬาที่ชื่นชอบและสนใจ

ขณะที่นักกีฬาทั้งหลาย ร้อยทั้งร้อย ก็ย่อมมี “ความฝัน” และพยายามทำให้เป็นรูปธรรมเป็น “ความหวัง” เพื่อแปรเปลี่ยนให้เป็น “ความจริง”

ผ่านร้อนผ่านหนาว มุ่งมั่นแข่งขัน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฝึกซ้อมเตรียมตัวกันมายาวนาน ถึงเวลาลงสนาม ไล่ล่าหาฝัน

เคียงข้างให้กำลังใจ เชียร์นักกีฬาไทยของเรากันครับ...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม