วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BH - ประมาณการ 3Q67F: คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่

เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีตามฤดูกาล นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรสุทธิในงวด 9M67F จะอยู่ที่ 6.09 พันล้านบาท (+15.2% YoY) คิดเป็น 77.7% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา โดยยังคงได้อานิสงส์จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มาใช้บริการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ในขณะที่คาดว่าจำนวนผู้ป่วยชาวไทยจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝนในประเทศไทย โดยที่ intensity ของผู้ป่วยไม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่:

i) เราคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 6.5% YoY และ 13.9% QoQ เป็น 7.16 พันล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ป่วย
สูงขึ้นมี

 

การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล และการรักษาโรคยากที่เพิ่มขึ้น

ii) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 52.5% จาก 49.8% ใน 3Q66 และ 52.1% ใน 2Q67
โดยมีแรงหนุนจากผู้ป่วยโรคยากที่เพิ่มขึ้น

iii) เราคาดว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายจะอยู่ที่ 16.0% จาก 15.5% ใน 3Q66 และ 16.0% ใน 2Q67 เนื่องจาก
บริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี ขณะที่รายได้ปรับตัวขึ้น

เราคาดว่าสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยใน 3Q67F จะอยู่ที่ 33% และ รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะอยู่ที่
67% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลง YoY แม้ว่าผู้ป่วยคูเวตจะลดลงก็ตาม

เราคาดว่ากำไรใน 4Q67F จะลดลงเล็กน้อย QoQ

เรามองแนวโน้มผลการดำเนินงานรายไตรมาสของ BH จะไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีต เพราะ 4Q จะเป็นช่วง
ที่ผลการดำเนินงานอ่อนแอลง QoQ ตามฤดูกาล (วันหยุดมากขึ้นและเข้าสู่ช่วงสิ้นปีในเดือนธันวาคม)

 

 

 

BH มีแผนจะเปิดโรงพยาบาลใหม่ที่ภูเก็ตภายในปี 2569

ในอีกสองสามปีข้างหน้า BH จะเปิดโรงพยาบาลใหม่ที่ภูเก็ตเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขั้น โดยบริษัทจะเปิดโรงพยาบาลใหม่ “บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต” ภายใน 1H69 โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีหลังจากได้รับอนุมัติ EIA ภายใน 2H67 ทั้งนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้จะรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจาก BH โดยตั้งเป้าจำนวนเตียงไว้ที่ 212 เตียง (จะเปิดให้บริการ 150 เตียงในเฟสแรก) เราคาดว่าโครงการนี้จะถึงจุดคุ้มทุนภายในเวลาประมาณสามปี

Valuation & Action

BH เป็นบริษัทที่มี margin แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มโรงพยาบาล เรายังคงให้ BH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ ทั้งนี้
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2.8% เรายังคงคำแนะนำซื้อ และ
ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 318 บาท (คำนวณโดยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 8.2% และ TG ที่ 3%)
จากเดิมที่ 309 บาท (อิงเป้าหมายสิ้นปี 2567)

Risks

COVID-19 ระบาด, การแทรกแซงของรัฐบาล และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ธนาคารโลก’ เตือนแรง! เศรษฐกิจจีนเสี่ยงอ่อนแอลงอีก ลากเอเชียให้จมตาม

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “ธนาคารโลก” คาดการณ์การเติบโตของจีนว่าจะอ่อนแอลงต่อไปในปี 2568 แม้จะมี...

นักธุรกิจออสเตรเลียเยือนไทย-ลาว กระชับสัมพันธ์ลงทุน

นายฟ็อกซ์ และนายโอลสันได้รับแต่งตั้งเป็น Business Champion สำหรับประเทศไทยและลาว ตามลำดับ ณ ประชุมสุ...

4,990 บริษัทญี่ปุ่นล้มละลาย สูงสุดในรอบทศวรรษ เงินเฟ้อฉุดเศรษฐกิจทรุดหนัก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ญี่ปุ่นเผชิญ “จำนวนบริษัทล้มละลายสูงสุด” นับตั้งแต่ปี 2013 ในช่วง 6 เด...

‘อีลอน มัสก์’ จ่อทุ่มสุดตัว หาเสียงสวิงสเตต หนุน 'ทรัมป์' เป็นปธน.

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ เผยกับสำนักข่าวโพลิติโค (POLITICO) ว่า มัสก์มีความมุ่งมั่นที่จะปรากฎตัวในรัฐ...