เร่งหาตัวแทน

ในที่สุดก็ไม่รอดสำหรับฮันซี ฟลิก หรือชื่อเต็ม ฮันส์–ดีเธอร์ ฟลิก กุนซือชาวเยอรมันที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตกุนซือทีมชาติเยอรมนี ไปแล้วหลังจากเพิ่งโดนสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี หรือเดเอฟเบ ประกาศเด้งออกจากตำแหน่งไปหมาดๆเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สำหรับฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฟลิกโดนปลดออกจากตำแหน่งนั้นก็คือการพ่ายแพ้ให้กับ “ซามูไร” ญี่ปุ่น ทีมแกร่งจากเอเชีย ไปยับเยินคาถิ่น 1-4 เรียกได้ว่าเป็นสกอร์ที่ย่ำแย่ที่สุดที่ทาง ฟลิกเคยคุมทัพทีมชาติมาเลย

ก่อนหน้าที่ฟลิกจะย่ำแย่ก็เคยมีประวัติรุ่งเรืองในนามทีมชาติมาก่อน ตอนที่ีเจ้าตัวเริ่มงานครั้งแรกกับ “อินทรีเหล็ก” นั้นถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของสาวกเมืองเบียร์ที่ได้เห็นทีมชาติบ้านเกิดกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการพาทีมเก็บชัยชนะ 7 นัดแรกในการคุมทีมได้ทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 2021

พอในปี 2022 ลายเริ่มออกกราฟฟอร์มของ “อินทรีเหล็ก” เริ่มดิ่งลง แข่งไป 9 นัดก่อนลุยบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ช่วงปลายปี ชนะเพียงแค่ 2 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ 2 นัด จนมาถึงเกมบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายทุกอย่างก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นร่วงตกรอบแรกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันหลังจากในปี 2018 “อินทรีเหล็ก” ก็ร่วงตกรอบแรก

นับตั้งแต่นั้นมาทำให้ฟลิกเริ่มโดนสงสัยว่าตัวเขาเจ๋งจริงหรือไม่ แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันว่าตัวเองคือคนที่เหมาะสมที่จะคุมทีมชาติเยอรมนีมากที่สุด

แต่ผลงานในปี 2023 กลับสวนทางกันปีนี้ลงเล่นไป 6 นัด เยอรมนีเก็บชัยชนะได้เพียงแค่นัดเดียว เสมอ 1 นัด และแพ้ 4 นัด แถม 5 นัดหลังสุดแพ้ถึง 4 เกมเลยทีเดียว จากฟอร์มที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบนี้ ทำให้ทาง “เดเอฟเบ” ต้องตัดสินใจเด้งฟลิกออกจากตำแหน่งทันที

ส่งผลให้ “ฟลิก” กลายเป็นกุนซือทีมชาติเยอรมนีรายแรกในรอบ 123 ปีที่ก่อตั้งองค์กรที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพราะส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้ไม่หมดสัญญาก็คือลาออกเองทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม การที่จะหากุนซือฝีมือดีเข้ามาคุมทีมชาตินั้นก็ไม่ง่าย เพราะกุนซือฝีมือระดับท็อปที่มีเลือดเบียร์เข้มข้นก็ติดสัญญาเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น เจอร์เกน คลอปป์ (ลิเวอร์พูล), โธมัส ทูเคิล (บาเยิร์น มิวนิก) ส่วนที่เหลือก็เก่งแต่ยังไม่ใช่มือระดับท็อป

ถ้ากวาดตามองไปในตอนนี้ที่มีโอกาสเป็นไปได้ มากที่สุดก็คือกุนซือหนุ่มไฟแรงที่ยังว่างงานอยู่อย่าง ยูเลียน นาเกลส์มันน์ อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิก และไลป์ซิก หลังจากโดน “เสือใต้” ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อท้ายซีซันที่แล้ว

ส่วนสื่อเมืองเบียร์บางรายก็ผุดรายชื่ออื่นๆขึ้นไม่ว่าจะเป็นโอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรียที่เคยคุมทีมโวล์ฟสบวร์กและแฟรงก์เฟิร์ตมาก่อน หรือหลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจอมเก๋าชาวดัตช์ ที่รู้จักแข้งและสไตล์การเล่นฟุตบอลเยอรมันเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นก็ยังมีรายชื่อออกมามากมายทั้ง มิโรสลาฟ โคลเซ ตำนานกองหน้าทีมชาติเยอรมนี, รูดี โฟลเลอร์, มัทธีอัส ซามเมอร์ หรือแม้กระทั่งราล์ฟ รังนิก ที่กำลังทำผลงานได้ดีกับทีมชาติออสเตรีย

เรียกได้ว่าตอนนี้ตัวเลือกที่จะเข้ามาทำงานนั้นถือว่าน้อยมากๆ เพราะตัวดีๆก็ติดสัญญาไปหมด ส่วนที่เหลือสาวกบางคนก็คลางแคลงสงสัยในฝีมือว่าจะดีพอหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ถ้าให้ “มะระหวาน” มองก็มีเพียงแค่ยูเลียน นาเกลส์มันน์ คนเดียวที่น่าจะพาเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวนี้ แม้อายุ 36 ปี แต่ฝีไม้ลายมือก็ไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ทาง “เดเอฟเบ” ต้องเร่งตั้งกุนซือใหม่ให้ได้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้เหลือ 9 เดือนเท่านั้นศึกยูโร 2024 รอบสุดท้ายที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพก็จะเกิดขึ้นแล้ว

เพราะถ้าเป็นเจ้าภาพแต่ร่วงรอบแรกต่อหน้าแฟนๆคงเป็น “ยูโร” ที่จืดชืดที่สุดก็เป็นได้!!

มะระหวาน