YLG ชี้ปีนี้ทองทำนิวไฮถึง 5 ครั้ง โมเมนตัมแกร่ง เป้าหมายถัดไป 2,650 ดอลลาร์

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าในปี 2567 ราคาทองคำได้ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ในรายเดือนได้ถึง 5 ครั้ง ซึ่งรวมถึงล่าสุดเดือน ส.ค. ได้ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,510 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ณ 19 ส.ค.)  ซึ่งระดับราคานี้ถือว่าได้ปรับขึ้นไปสูงกว่าเป้าหมายกรอบล่างที่ วายแอลจี เคยให้ไว้ที่ 2,500 - 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

อย่างไรก็ตาม วายแอลจียังคงเป้าหมายทองคำไว้ที่กรอบดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของทองคำที่เมื่อขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หลังจากนั้นจะมีการปรับฐาน ในกรอบประมาณ 150-170 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำช่วงนี้ แนะว่า หากมีทองคำอยู่แล้วแนะนำให้รอจังหวะแบ่งขายทำกำไร เมื่อราคาปรับขึ้นไปสุดแล้วเริ่มเห็นแรงขายที่มีนัยสำคัญ  และรอเข้าซื้อใหม่เมื่อจบช่วงการพักฐานสะสมแรงซื้อ  แต่ถ้าทองคำยังไม่ย่อตัวก็สามารถถือต่อไปได้

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวอย่างร้อนแรงในช่วงนี้ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเดือน ก.ย. อย่างแน่นอน  

โดยตลาดให้น้ำหนัก 70% ว่าการประชุมครั้งถัดไปจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และน้ำหนักอีก 30% มองถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 0.50%  พร้อมติดตาม การประชุม Jackson Hole ในวันที่ 22-24 ส.ค.

2. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายวงกว้างขึ้น จากความตึงเครียดที่ตะวันออกกลาง ที่อิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีเป็นระยะๆ ท่ามกลางการเจรจาการหยุดยิงในฉนวนกาซา  นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ที่มีความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้น หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยันว่าจะไม่สามารถเจรจากับยูเครนได้อีก หลังจากที่ยูเครนบุกโจมตีแคว้นคุสค์ ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนรัสเซีย

3. นักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยนอกจากสหรัฐแล้ว มีความกังวลจากทางฝั่งจีนที่ได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เดือน ก.ค. พบว่ายังคงมีสัญญาณชะลอตัวลง รวมไปถึง GDP จีนไตรมาส 2/2567 ที่ขยายตัวเพียง 4.7% ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 1/2567 ที่ขยายตัว 5.3%  ทำให้ตลาดเริ่มมองถึงความจำเป็นที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง  นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อนุมัติโควตาการนำเข้าทองคำใหม่ กับธนาคารหลายแห่งในจีน ในเดือนส.ค. หลังจากที่ได้ระงับไป 2 เดือน จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีต่อตลาดทองคำ

สำหรับคำแนะนำการลงทุนช่วงนี้ หากจะทำการเข้าซื้อใหม่ มองว่าให้รอจังหวะทองคำย่อตัวลงมาสะสมแรงซื้ออีกครั้ง โดยมองแนวรับที่ 2,450-2,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 2,563-2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนทองคำในประเทศช่วงนี้ปรับขึ้นไม่หวือหวา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ทองในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างจำกัด ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567 ออกมาขยายตัว 2.3% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ จึงส่งผลให้เงินบาทยังคงมีทิศทางที่แข็งค่า ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ  

อย่างไรก็ดีสำหรับ ทองคำ 96.5% ในประเทศ ให้กรอบแนวรับที่ 40,250 - 39,200 บาท  และกรอบแนวต้านประเมินไว้ที่ 42,100 - 43,500 บาท  (คำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยย้อนหลัง 1 สัปดาห์ ที่ระดับ 34.65 บาท)

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...