'ฟิทช์ เรทติ้งส์' เตือนการเมืองไทยปั่นป่วน ชนวนปรับอันดับเครดิตสู่เชิงลบ

สถาบันจัดอันดับ เครดิตฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) เปิดเผยบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ และการเมืองไทยล่าสุด ในวันนี้ (20 ส.ค.67) ว่า การที่รัฐสภาไทยลงมติเห็นชอบการแต่งตั้ง "แพทองธาร ชินวัตร" อย่างรวดเร็ว และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค.67 นั้น น่าจะช่วยรักษาความต่อเนื่องของนโยบายได้ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ตอกย้ำให้เห็นความเป็นไปได้ของการเมืองไทยที่ผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบาย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย 

การที่รัฐสภาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 319 คนจากทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาล่าง เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถอดถอน "นายเศรษฐา ทวีสิน" จากความผิดทางจริยธรรมในการแต่งตั้งรัฐมนตรี นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีคำวินิจฉัย "ยุบพรรคก้าวไกล" ซึ่งเป็นผู้ชนะได้รับเสียงโหวตมากที่สุดในการเลือกตั้งปี 2566 เนื่องจากละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
 

บทวิเคราะห์ของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ เชื่อว่าโดยหลักๆ แล้ว รัฐบาลใหม่ของ น.ส.แพทองธาร จะยังคงจุดยืนทางนโยบายต่อจากรัฐบาลเศรษฐา เนื่องจากพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นพรรคที่มีเสียงใหญ่สุดในพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อว่ามีความเสี่ยงต่ำที่การออกงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะล่าช้า เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการบรรจุเข้าพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในสภาผู้แทนราษฎรในเดือนหน้าแล้ว ก่อนที่จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณา และมีการพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ต่อไป 

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ระบุว่า รัฐบาลจะขอศึกษาและรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ล่าช้ามานาน ซึ่งเสนอแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนไทยผู้มีสิทธิประมาณ 50 ล้านคน และรัฐบาลชุดก่อนประเมินว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณ 2.4% ของจีดีพีตลอดระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ ซึ่งฟิทช์มองว่า "การยกเลิก ปรับเปลี่ยน หรือเลื่อนโครงการดังกล่าวออกไปล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่คาดว่าจะต้องมีการกระตุ้นทางการคลังออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" 

จากการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดของฟิทช์ เรทติ้งส์ซึ่งรวมโครงการนี้เอาไว้ด้วย คาดว่าการขาดดุลทางการคลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2567 และ 4.4% ในปีงบประมาณ 2568 จากเดิม 2.0% ในปีงบประมาณ 2566 เมื่อเทียบกับค่ากลางของประเทศในกลุ่มอันดับเครดิต BBB ที่ 3.2% และ 3.0% ตามลำดับ

หากรัฐบาลตัดสินใจลดขนาดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลง เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะใช้งบประมาณที่เหลือเพื่อรองรับมาตรการอื่นๆ เพราะอาจมีแรงกดดันทางการเมืองให้ต้องดำเนินโครงการที่ใช้เงินขนานใหญ่ต่อไปหลังพ้นปีงบประมาณ 2568 ซึ่งอาจทำให้การรัดเข็มขัดทางการคลังในระยะกลางหลังโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสิ้นสุดลงทำได้ยาก และจะเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มของการขาดดุลทางการคลังและหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้นๆ แทนที่จะช่วยแก้ไขอุปสรรคต่อการเติบโตเชิงโครงสร้างของประเทศไทย 

ฟิทช์มองในแง่บวกว่า การที่รัฐบาลสามารถเข้าถึงตลาดทุนในประเทศในเชิงลึกได้ บวกกับการมีโครงสร้างตลาดพันธบัตรที่เอื้ออำนวย ทั้งระยะเวลาไถ่ถอนที่ยาวนาน และส่วนใหญ่เป็นหนี้ในสกุลเงินท้องถิ่น จะช่วยบรรเทาความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่เพิ่มขึ้นมากนับตั้งแต่ปี 2562 

อย่างไรก็ตาม หนี้สาธารณะที่สูงขึ้นอาจจำกัดศักยภาพทางการคลังของรัฐบาลในการตอบสนองต่อภาวะช็อกทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งเมื่อครั้งที่ฟิทช์ยืนยันการคงอันดับเครดิตของประเทศไทยที่ระดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มเครดิต "มีเสถียรภาพ" ในเดือนพ.ย.2566 ฟิทช์ได้ย้ำเอาไว้ด้วยว่า การที่รัฐบาลไทยไม่สามารถรักษาเสถียรภาพสัดส่วนหนี้สาธารณะได้ อาจเป็นปัจจัยลบไปสู่การปรับอันดับเครดิตในเชิงลบ

ความผันผวนทางการเมืองที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งของไทยได้ขัดขวางประสิทธิผลของการกำหนดนโยบายมาโดยตลอด ขณะที่ตัวชี้วัดธรรมาภิบาลก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับเมื่อเทียบกับหลายประเทศในกลุ่มเครดิต BBB ด้วยกัน และความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุดยังกระทบต่อตัวชี้วัดธรรมาภิบาลของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่ฟิทช์ใช้ในการประเมินเครดิตไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่ความผันผวนทางการเมืองยังขัดขวางความพยายามของประเทศในการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ธุรกิจในท้องถิ่น และผู้บริโภค

ฟิทช์ เรทติ้งส์เชื่อว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และการตอบสนองของสาธารณชนที่ค่อนข้างเงียบต่อการยุบพรรคก้าวไกล แสดงให้เห็นว่าโอกาสเสี่ยงที่ความไม่สงบทางการเมืองจะลุกลามนั้น "ยังอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้"

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะมีความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้น และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ประสิทธิผลของการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการเติบโตอ่อนแอลง จนอาจนำไปสู่การปรับอันดับเครดิต "ในเชิงลบ" ตามมา

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...