โบรกจ่อหั่น‘กำไร’กลุ่มแบงก์ ตั้งสำรองหนี้ครึ่งหลังเพิ่ม-แพนิก EA

วานนี้ (15 ก.ค.) ​ความเคลื่อนไหว “หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์” (แบงก์) ปรับตัวลงยกแผง นำโดยธนาคารกรุงเทพ (BBL) ลดลง 1.85% , บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ลดลง 3.29% ,  ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลดลง 2.73% , ธนาคารกรุงไทย (KTB)ไม่เปลี่ยนแปลง  , ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ลดลง 2.21% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ลดลง 0.40%

โดยเหตุผลหลักๆ ที่กลุ่มแบงก์ปรับตัวลงมาจากกรณีตลาดกังวลตั้งสำรองสินเชื่อที่ปล่อยให้ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รวมทั้งแนวโน้ม “หนี้เสีย” (NPL) เพิ่ม 

นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงมาหนักน้ำหนักมากที่สุดความกังวลเรื่องการตั้งสำรองของสินเชื่อที่มีปล่อยให้ EA ผนวกกับ แนวโน้มหนี้เสียในสินเชื่อรายย่อยที่ยังสูงขึ้น จาก NPL ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินทิสโก้ (TISCO) ที่รายงานออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น และกลุ่มนอนแบงก์ที่ทบทวนแล้ว ยังเห็นคุณภาพสินทรัพย์ด้อยลงอยู่

ขณะเดียวกัน ยังมีสาเหตุมาจากแนวโน้มกำไรกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ น่าจะยังไม่ค่อยสดใสนัก เนื่องจากคาดการณ์สำรองพิเศษจากกรณี EA น่าจะเข้ามาในไตรมาส 3 นี้ มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการจ่ายคืนหุ้นกู้ของ EA 2 ล็อต ในไตรมาส 3นี้

“เราประเมินว่า ถ้าจ่ายได้ หรือเจรจาเลื่อนกับผู้ถือหุ้นกู้ได้ น่าจะยังไม่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ถ้าเกิดดีฟอลต์น่าจะต้องจัดชั้นเป็น NPL แล้วตั้งสำรองค่อนข้างเยอะ”

 

ดังนั้น กำไรกลุ่มธนาคารปีนี้ เราคาดการณ์เติบโตต่ำเพียง 1% และอาจจะต้องปรับปรุงประมาณการอีกทีหลังงบไตรมาส 2/2567 และความชัดเจนเรื่องผลกระทบ EA มีเพิ่มเติม 

“เรายังไม่เห็นปัจจัยหนุนที่ชัดเจนสำหรับกลุ่มแบงก์เพราะสินเชื่อน่าจะยังโตไม่สูงนักส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM ) อาจจะยังปรับเพิ่มไม่ได้มากนัก รายได้ค่าธรรมเนียมก็ยังต้องรอภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ดีขึ้น ส่วนช่องว่างในการปรับลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองของธนาคารน่าจะยังมีจำกัด”

นายกรกช กล่าวว่า   สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคาร  ยังมองการลงทุน “น้อย” กว่าตลาด หรือ Negative แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน รอดูความชัดเจนของการตั้งสำรอง และนโยบายต่างๆ (Guidance ) ของผู้บริหาร หลังประกาศงบในวันที่ 18-19 ก.ค. นี้ 

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงแรง สาเหตุตลาดมีความกัวลหนี้ของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งในขณะนี้ ที่อยู่กับธนาคารต่างๆ ราว 3.1 หมื่นล้านบาท ทั้งหุ้นหู้และตั่วเงินระยะสั้น มีความเสี่ยง ดีฟอลต์ได้  รวมถึงใกล้ช่วงประกาศงบกลุ่มธนาคารไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้ม NPL ปรับขึ้น และในช่วง ไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าลดลง

สำหรับคาดการณ์กำไรกลุ่มธนาคารปีนี้ ยังไม่นับรวมผลกระทบจากลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง หากไตรมาส 2/2567 กำไรกลุ่มธนาคารแตะ 60,000 ล้านบาท ยังเชื่อมั่นกำไรกลุ่มธนาคารในปีนี้น่าจะทำได้ตามที่คาดไว้ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ หลังจากนี้

ซึ่งปัจจัยการเติบโตสินเชื่อของธนาคารภาพรวมปีนี้ สะท้อนจีดีพีไทยปีนี้เติบโตที่ระดับ 2-3% และ NPL เฉพาะรายย่อยที่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่รับรวมผลกระทบจากลูกค้ารายใหญ่ หากเป็น NPL ก็จะมีการตั้้งสำรองเพิ่มขึ้น    

       "ยังต้องรอติดตามแผนการบริหารจัดการหนี้ของลูกค้ารายใหญ่ในขณะนี้ให้ชัดเจน ว่าจะมีผลกระทบดีฟอลเกิดขึ้นหรือไม่ หากดีฟอลเกิดขึ้นจะมีความเสี่ยงต่อการตั้งสำรองกลุ่มแบงก์เจ้าหนี้เพิ่มเติม แต่เชื่อว่าอาจจะไม่ดีฟอลก็ได้ ขณะที่หากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังเป็นปัจจัยหนุนสินเชื่อธนาคารปีนี้กลับมาโตเพิ่มขึ้น หนุนกำไรได้เช่นนั้น แนะหุ้นกลุ่มแบงก์เติบโตดีกว่าตลาด ได้แก่ BBL KBANK TTB "

นายณัฐพล  คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า  กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ EA  ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าแต่ละธนาคารมีหนี้เท่าไหร่ และมีแผนบริหารจัดการหนี้ดังกล่าวอย่างไร ทำให้ตลาดแพนิกมากเกินไป เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาค่อนข้างมากไว้ก่อน  

"แต่มองว่า เคสนี้ไม่ใช่เคสแรกที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นแล้ว จะเห็นว่าธนาคารมีกระจายตัวในการให้สินเชื่อกับลูกค้ารายใหญ่ และจะมีแผนบริหารจัดการหนี้ในอนาคตได้ ไม่น่ามีปัญหา จึงมองว่าปัจจัยนี้เป็นผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารในระยะสั้น  "

ปัจจัยกดดันหลัก ที่เป็นจุดอ่อนของกลุ่มธนาคารในปีนี้ คือ สินเชื่อเติบโตชะลอตัวลง แนวโน้มตั้งสำรองหนี้เสียยังเพิ่มขึ้น ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้  หลังจากงบกำไรไตรมาส 2 /2567 ของทิสโก้ที่ประกาศล่าสุด เริ่มเห็นสัญญาณการตั้งสำรองหนี้ NPL เพิ่มขึ้นในอนาคต     

อย่างไรตาม ยังต้องรอปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร มาจากรัฐบาลกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้  ผลักดันให้สินเชื่อของธนาคารเติบโตเพิ่มขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น  แนะหุ้นกลุ่มธนาคาร ยังไม่ควรลงทุนเพิ่ม เก็งกำไร ในขณะนี้ เพราะผลดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ยังไม่สดใส แม้จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ก็ตาม 

มองหุ้นเด่น  KTB ที่ยังมีการจ่ายปันผลสูง แต่รอจังหวะเข้าลงทุนหลังประกาศงบไตรมาส 2 /2567 แล้ว       

          

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...