ททท. จุดพลุปีท่องเที่ยวไทย 2568 ดึงต่างชาติ 40 ล้านคน ปั๊มรายได้ 3.4 ล้านล้าน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ค. และเตรียมแถลงแผนปฏิบัติการต่อภาคเอกชนท่องเที่ยวในวันที่ 15 ก.ค. สอดรับปีแห่งการท่องเที่ยวไทย 2568 ตามที่รัฐบาลประกาศผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการ ททท. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทยยิ่งใหญ่ที่สุด (Thailand Grand Tourism Year 2025) นับตั้งแต่ประเทศไทยโปรโมตการท่องเที่ยวมา ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ยกระดับภาคการท่องเที่ยวไปสู่บทใหม่ ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์ IGNITE TOURISM THAILAND หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการดึงอีเวนต์ขนาดใหญ่เข้ามาจัดในไทย พร้อมทำแพ็กเกจท่องเที่ยวเจาะกลุ่มความสนใจเฉพาะแบบพิเศษ (Tailor-Made) เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคน เช่น กลุ่มสูงวัย และกลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ

"การท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ถือเป็นงานหนักของ ททท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกพูดถึงในทุกภาคส่วน นายกฯพร้อมให้การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่" 

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจในยุคฟื้นตัวหลังโควิดระบาด พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เพราะถ้าประเทศไทยจะหวังพึ่งรายได้จากการลงทุน ต้องใช้เวลานานอีก 2-3 ปี ขณะที่ภาคการส่งออกต้องใช้เวลาฟื้นตัว ต่างจากภาคการท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศได้ทันที ซึ่งต้องขอให้ ททท.จัดทำแผนปฏิบัติการปี 2568 สอดรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว หรือ Customer Journey รับฟังเสียงลูกค้าตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง จนถึงเดินทางกลับประเทศ นำมาเป็นสารตั้งต้นในการพัฒนาแผน เพื่อนำไปตกผลึกและยกระดับด้านต่างๆ

นัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการ ททท.

บิ๊กอีเวนต์ Q4 ดันทัวริสต์ 39 ล้านคนปี 67

สำหรับแนวโน้มปี 2568 คาดภาพรวมเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น คนออกมาเที่ยวมากขึ้น ส่วนปี 2567 มั่นใจว่ารายได้รวมการท่องเที่ยวจะไปถึง 3 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายการทำงานของ ททท. ส่วนเป้าหมายที่นายกฯ ตั้งไว้ 3.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ หรือต้องทำรายได้เพิ่มอีก 5 แสนล้านบาทนั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินไป โดยจะได้มาจากการจัดบิ๊กอีเวนต์ในไตรมาส 4 ทั้งมองด้วยว่าน่าจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 39 ล้านคนในปี 2567 เพราะขณะนี้ ททท.กำลังเจรจาเพิ่มเที่ยวบินรองรับดีมานด์

ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทยปีนี้ มีความท้าทายจากการแข่งขันของประเทศต่างๆ ที่โปรโมตดึงนักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศ เช่น จีน บริษัททัวร์ต่างๆ มีการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาไม่แพง ดึงดูดคนไทยไปจีนจำนวนมากในช่วงนี้

 

ททท.ตั้งเป้ารายได้รวมปี 68 โต 7.5-10%

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท.ตั้งเป้าหมายในปี 2568 สร้างรายได้รวมเพิ่มจากที่ทำได้ในปี 2567 ไปอีก 7.5% หรือสูงสุดถึง 10% ขึ้นไป ถ้าดูจากเป้าหมายการทำงานของ ททท.ในปีนี้ที่ 3 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าในปี 2568 ต้องทำให้ได้ 3.4 ล้านล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 55,000-57,180 บาทต่อคน และตลาดไทยเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 220 ล้านคน-ครั้ง ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 4,000 บาทต่อคน

โดยตัวเลขที่ ททท.ตั้งเป้าหมายอยู่ภายใต้คำของบประมาณปี 2568 วงเงิน 6,236 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบโครงการและกิจกรรม 4,345 ล้านบาท นอกจากนี้ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้ของเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เพิ่มขึ้นประมาณ 25% โดยจะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงเข้ามามากขึ้น

“ททท.ยังตั้งเป้าหมายตำแหน่งทางการตลาด ผลักดันอันดับประเทศไทยให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุดติด 1 ใน 14 ของโลกด้วย”

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.

 

'ฐาปนีย์' มอบนโยบายปี 68 มัดใจทุกตลาด

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบายแผนปฏิบัติการปี 2568 แก่ที่ประชุมฯ เป็นรายกลุ่มตลาดด้วย อาทิ ด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มุ่งบริหารจัดการกลุ่มตลาดดาวฤกษ์ที่มีฐานนักท่องเที่ยวสูง และกลุ่มตลาดดาวรุ่งที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม รวมถึงการนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวหรือแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเดิม และเพิ่มเติมกลุ่มใหม่ เพื่อรักษาสัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล โดยเพิ่มอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) และปริมาณที่นั่งผู้โดยสาร (Seat Capacity) ขณะเดียวกัน ต้องการเห็นนักท่องเที่ยวระยะไกลกลุ่มใหม่ๆ และมีคุณภาพมากขึ้นด้วย

ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ กลุ่มตลาดหลักเน้นการเข้าหาในทุกมิติ ทั้งจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน ส่วนกลุ่มที่มีโอกาสเติบโต เช่น อินโดนีเซีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเจาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเชิงรุก ทั้งมาเลเซีย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดย ททท.อยากเห็นตลาดระยะใกล้ช่วยกระตุ้นจำนวนได้อย่างต่อเนื่อง และต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ มีคุณภาพมากขึ้นเช่นกัน

ตลาดในประเทศ จะมีแคมเปญส่งเสริมตลอดปี 2568 ควบคู่กับการนำเสนอเสน่ห์ไทยและสิ่งที่ต้องทำในเมืองน่าเที่ยว พร้อมกระจายนักท่องเที่ยวทั้งในเชิงพื้นที่และช่วงเวลาการเดินทาง เชื่อมั่นว่าตลาดไทยเที่ยวไทยยังคงช่วยพยุงเศรษฐกิจจากวิกฤติต่างๆ ให้แก่ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องขอให้กระตุ้นทุกช่วง

สำหรับการสื่อสารการตลาด ททท.ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำการสื่อสารการท่องเที่ยว พัฒนาคอนเทนต์ด้านการท่องเที่ยวให้เห็นแล้วรู้สึกว้าว น่าสนใจ น่าแชร์ และเพิ่มสปีดความเร็วในการรับสาร สื่อสาร และส่งสาร โดยอยากเห็นการวางแผนการสื่อสารของ ททท.ที่สามารถโน้มน้าว จูงใจ หรือชี้นำตลาดด้านการท่องเที่ยวได้ รวมถึงสามารถเผยแพร่หรือบริหารจัดการประเด็นด้านการท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่

 

เปิดวิสัยทัศน์รับความท้าทาย 5C แห่งอนาคต

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของ ททท. คือการเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน รับความท้าทาย 5C แห่งอนาคต ได้แก่

1.Climate Change สภาพอากาศที่รุนแรงแบบสุดขั้ว ส่งผลต่อการออกแบบสินค้าและบริการที่ต้องตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

2.Cost of Living วิกฤติค่าครองชีพส่งผลต่อการตลาดการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการทำตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย

3.Computer Distortion การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี ทำให้ ททท.ต้องนำเทคโนโลยี AI มาใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว

4.Cartographic Politic การแบ่งขั้วและการฝักใฝ่ทางสังคมหรือการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อท่าทีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ

5.Cyber Hacking การโจมตีทางไซเบอร์เข้าสู่ระบบสารสนเทศของหน่วยงาน จะเป็นภาพที่เห็นได้ชัดมากขึ้นในอนาคต

“ททท.ต้องเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง หรือ Keep Going มุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิม เพิ่มเติมลูกค้าใหม่ ขยายความเชื่อมเกี่ยว แสดงให้เห็นถึงไอเดียและวิธีการใหม่ๆ เพราะที่ผ่านมาบางคนมองว่าประเทศไทยเป็นสินค้าเก่า แก่ ซ้ำซาก และน่าเบื่อ เลือกเจาะแต่กลุ่มลูกค้าเดิมๆ ใช้แต่ช่องทางและวิธีการเดิมๆ ในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...