'ฮุนได-แอลจี' เปิดโรงงานแบตอีวีแห่งแรกใน 'อินโดนีเซีย' ดันขึ้นฮับภูมิภาค

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป และบริษัท แอลจี เอนเนอร์จี โซลูชัน ได้เปิดตัวโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) แห่งแรกในประเทศอินโดนีเซีย แล้วในวันนี้ (3 ก.ค.67) โดยเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่เริ่มก่อสร้างเมื่อ 3 ปีก่อน บนเป้าหมายที่จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตแบตเตอรี่อีวีในภูมิภาค ในขณะที่อินโดนีเซียกำลังพยายามขึ้นเป็นฮับด้านอีวีในอาเซียน
 

โรงงานดังกล่าวมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4 หมื่นล้านบาท) ตั้งอยู่ในจังหวัดชวาตะวันตก โดยมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่อีวีได้ 10 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือรองรับรถอีวีได้กว่า 1.5 แสนคัน และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนร่วมระหว่างฮุนได และแอลจีมูลค่าสูงสุด 9,800 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอีวีในอินโดนีเซีย โดยใช้ประโยชน์จากการที่อินโดนีเซียมีความพร้อมในด้านทรัพยากรแร่ทั้งนิกเกิล และทองแดง

"ทรัพยากรแร่ของประเทศนี้ เช่น เหล็กและนิกเกิล เป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่ที่จะขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าหลายล้านคันทั่วโลก" อึยซอน ชอง ประธานกรรมการบริษัทฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ปกล่าวในพิธีเปิดโรงงาน   

หลังจากนี้ ฮุนไดและแอลจีจะเตรียมดำเนินการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่อีวีเฟสที่ 2 ต่อไป โดยคาดว่าจะเป็นการลงทุนราว 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด กล่าวว่า  โรงงานแบตเตอรี่อีวีดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำสถานะความสำคัญของอินโดนีเซียในด้านห่วงโซ่อุปทานอีวีโลก 

"นี่คือ โรงงานผลิตแบตเตอรี่รถอีวีแห่งแรก และยังเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมมั่นใจว่าเราจะชนะประเทศอื่นๆ ในการแข่งขันนี้ ด้วยทรัพยากรที่เรามี ทั้งนิกเกิล บอกไซต์ และทองแดง ต่างมีพร้อมอยู่ที่นี่แล้ว" ประธานาธิบดีโจโกวี กล่าว 

ทั้งนี้ อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดในโลก ออกกฎห้ามการส่งออกแร่นิกเกิลดิบตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศให้มากขึ้นแทน และมีการใช้มาตรการดึงดูดทางภาษี และต้นทุนพลังงานในราคาถูก ทำให้นอกจากบริษัทเกาหลีแล้วยังมีบริษัทในห่วงโซ่อุปทานอีวีรายใหญ่จากจีน เช่น CATL ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมเข้าไปเปิดโรงงานในอินโดนีเซียด้วย

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ