สงครามรถยนต์ EV สะเทือน ‘ศก.ไทย’ กว่าที่คิด

เดิมเราคิดว่าการหั่นราคาขายรถยนต์ของค่ายรถต่างๆ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะเป็นผลดีกับผู้บริโภค เพราะได้สินค้าที่คุณภาพดีขึ้น ราคาถูกลง แต่สถานการณ์ล่าสุด อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้ ในทางตรงกันข้ามดูเหมือนว่า “สงครามราคา” ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ในเวลานี้  กำลังทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม “ซึมตัว” หนักขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมาก ก็โดนผลกระทบทางอ้อมไปด้วย กระทบยังไงเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง!

เวลานี้ต้องยอมรับว่า การแข่งขันของค่ายรถยนต์ต่างๆ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน “ดุมากขึ้น” จนเรียกได้ว่าเป็น “สงครามราคา” ไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ BYD ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งจากจีน หั่นราคาขายรถยนต์รุ่นนิยม Dolphin ลงประมาณ 140,000-160,000 แสนบาท ซึ่งแคมเปญดังกล่าวมีผลถึงสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และหลังจากแคมเปญนี้สิ้นสุดลง BYD ก็ประกาศแคมเปญใหม่ต่อเนื่อง โดยคราวนี้หั่นราคารถรุ่นยอดนิยม ATTO 3 ลงราว 90,000-340,000 บาท มีผลถึงสิ้นเดือนก.ค.นี้ เรียกได้ว่าปลุกวงการรถยนต์เดือดขึ้นมาทันที ซึ่งผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แม้แต่รถยนต์สันดาปหรือไฮบริดก็โดนหางเลขไปตามๆ กัน 

หลัง BYD ประกาศแคมเปญดังกล่าวไปไม่นาน แม้จะเป็นแคมเปญช่วงสั้นๆ แต่ก็ทำให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ นั่งไม่ติด คู่แข่งทางตรงอย่าง Neta ที่เพิ่งจะเปิดตัว Neta V-II ไปไม่นานก็ต้องปรับกลยุทธ์หั่นราคาลงตาม โดยปรับลดราคาขายลงอีก 50,000 บาทในรุ่นเริ่มต้น ทำให้ราคาขายลดลงมาเหลือ 499,000 บาท จากเดิม 549,900 บาท ...ต้องบอกว่า “สงคราม” นี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ ในขณะที่กูรูรถยนต์ต่างบอกกับผู้ซื้อรถเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่รีบก็น่ารอ เพราะอนาคตอาจจะเห็นรถยนต์รุ่นอื่นๆ ปรับราคาลงตามได้เช่นกัน

ย้ำอีกทีว่าการปรับราคาของทั้ง BYD และ Neta เป็นเพียงแคมเปญการตลาดช่วงสั้นๆ อย่างของ BYD จบไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาสำหรับรุ่น Dolphin และรุ่น ATTO 3 จะสิ้นสุดในเดือนก.ค.นี้ ขณะที่ Neta โปรโมชันนี้จะมีไปจนถึงสิ้นเดือนก.ค.เช่นกัน แม้จะเป็นแคมเปญสั้นๆ แต่ก็ทำให้คนที่คิดจะซื้อรถเริ่มไม่มั่นใจว่า รุ่นที่ตัวเองจะซื้อมีโอกาสลดราคาลงมาด้วยหรือไม่ จึงกลายเป็นภาวะสุญญากาศขึ้นมา เพราะหลายคนเริ่มโลเลที่จะควักเงินซื้อรถยนต์ในเวลานี้แล้ว โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากคาดหวังว่า อนาคตราคาจะถูกลงกว่านี้ จนเวลานี้เกิดวลีที่เป็นไวรัลขึ้นมากับรถยนต์ไฟฟ้าว่า “ซื้อก่อนประหยัดก่อน ซื้อหลังประหยัดกว่า”

ภาวะแบบนี้ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “ภาวะเงินฝืด” เพราะเมื่อผู้คนคาดหวังว่าราคาจะปรับลดลง ก็จะยังไม่ซื้อสินค้า รอจนกว่าราคาจะถูกลงมา ซึ่งจริงๆ เราก็เห็นแล้วว่ายอดขายรถยนต์เดือนล่าสุดลดลงไปถึง 23% (ส่วนหนึ่งอาจเพราะภาวะเศรษฐกิจ) แถมยังกระทบไปถึงราคารถใช้แล้วหรือรถยนต์มือสองด้วย เพราะเมื่อรถยนต์มือหนึ่งราคาร่วงลงหนัก ราคารถยนต์มือสองย่อมร่วงลงตาม ที่สำคัญยังทำให้เวลธ์ของคนทั่วไปลดลงตามด้วย อย่างคนที่มีรถยนต์เวลานี้หากเกิดความจำเป็นต้องนำไปค้ำประกันขอสินเชื่อ มูลค่ารถที่แบงก์ประเมินให้ก็ลดลงจากเดิมค่อนข้างมาก แถมยังขอสินเชื่อยากขึ้นตามไปด้วย ...เราจึงเชื่อว่าผลกระทบจาก “สงครามราคารถยนต์” ในเวลานี้ กระทบต่อเศรษฐกิจไทยหนักกว่าที่คิดไว้มาก!

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

คำเดียวสั้นๆ "แฟนสาวจาค็อบ" พูดต่อหน้า "รถถัง" หลังชวดแชมป์โลก

เผยคำพูด แฟนสาวของ จาค็อบ สมิธ ที่พูดต่อหน้า รถถัง จิตรเมืองนนท์ หลังฟาดปากกันในศึกมวยไทย รุ่นฟลายเว...

กรมวิชาการเกษตร ระดมแผนเตรียมพร้อม ส่งลำไยเจาะตลาดจีน

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรเร่งขับเคลื่อนนโยบายผัก ผลไ...

ผลบอล "บาเยิร์น มิวนิก" ไม่พลาด บุกเชือด "ซังต์ เพาลี" รั้งจ่าฝูงบุนเดสลีกา

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ทำได้ตามเป้า บุกมาเอาชนะ ซังต์ เพาลี เก็บ 3 คะแนนสำคัญ รั้งจ่าฝูง บุนเดสลี...

ส่องขุมทรัพย์ที่ดิน 'รถไฟ' 9.6 หมื่นล้าน จ่อประมูลสร้างรายได้เชิงพาณิชย์

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นับเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีทรัพย์สินที่ดินทั่วประเทศจำนวนมาก และยังเป็น...