วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา ภาคบริการสหรัฐฯ

หลังจากดัชนีฯ วานนี้ เริ่มมีสัญญาณใกล้เกิดการฟื้นตัว (รูปแบบแท่งเทียนวานนี้ มีกรอบแกว่งระหว่างวันที่แคบลง) โดยสัญญาณยืนยันการซื้อรอบใหม่จะเกิดขึ้น ต่อเมื่อดัชนีฯ พลิกกลับมาทา Higher High เท่านั้น)

ประเด็นวันนี้ ปัจจัยลบ คือ รายงานภาคบริการเดือน ส.ค. ที่หดตัวแรงของ จีน และอียู สะท้อนความเสี่ยงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครึ่งปีหลัง มีความเป็นได้สูงขึ้น และส่งผลต่อค่าเงิน USD แข็งค่าสุดรอบกว่า 3 เดือนที่ 104.65 (เพิ่มความเสี่ยง FX Risks ต่อตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นยุโรป) เนื่องจากตลาดเริ่มกังวลว่า ECB อาจต้องมาพิจารณาชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย ทดแทนการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ติดตามสัญญาณการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กับแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ผ่านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ 1. US รายงานภาคบริการสหรัฐฯ เดือน ส.ค. (Figure 1) ที่สำรวจโดย ISM คาดลดลงเล็กน้อยเป็น 52.5 (Vs เดือน ก.ค. 52.7) ส่วน ISM ภาคบริการที่สำรวจโดย S&P Global Service คาดลดลงเป็น 51 (Vs เดือน ก.ค. 52.3) สะท้อนถึงรายงานภาคบริการของสหรัฐฯ ยังคงสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ในระดับขยายตัว (>50) แต่ด้วยโมเมนตัมชะลอตัวต่อเนื่อง กดดันจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง 2. US Fed Beige Book คาดผลสำรวจเขตเศรษฐกิจสำคัญมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง จากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว

 

KTX คาดว่าตัวเลขดังกล่าว มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ซึ่งสอดคล้องกับ Fed Atlanta ที่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ 3Q23E GDP Growth จะเติบโตได้สูงถึง +5.5% QoQ (Vs 2Q23 GDP Growth +2.1% QoQ) รวมถึงสถานันจัดอันดับเครดิต Moodys ปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตปี 2023E เป็น 1.9% YoY (จากเดิม 1.1% YoY) ซึ่งถือว่าเติบโตสูงกว่ามาก เมื่อเทียบกับประมาณการของสภาพัฒน์ฯ และเป็นบวกต่อภาคการส่งออกโลก (Figure 2) ที่ปริมาณการค้าโลกอาจสูงกว่าระดับ 2.1% เทียบกับ 5.4% ในปี 2022 แต่จะเป็นลบต่อตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรระยะสั้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มโอกาสให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับคาดการณ์ของตลาดผ่านผลสำรวจ CME FedWatch Tool ล่าสุด ที่คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่อง สำหรับการประชุมอีก 5 ครั้งจากนี้ไป ทั้งนี้ สัปดาห์นี้ จะมี 4 ประธานเฟดสาขาต่าง ๆ ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย โดยวันนี้จะมี Fed Boston Collins (Non-Voter) และ Fed Dallas Logan (Voter) ส่วนวันพฤหัสบดี มี Fed Atlanta Bostic (Non-Voter) และ, Fed NY Williams (Voter) โดยจะเป็นลบต่อตลาดหุ้น หากเฟดส่วนใหญ่มีมุมมองสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ กลุ่มอิงภาคบริการที่เติบโตดี และมีโมเมนตัมบวก หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว SPA TKN AAV

 

 

Strategic daily picks

SPA    ปิด 13.10 บาท/แนวรับ 12.50 บาท แนวต้าน 13.60 บาท

SPA เผยแผนธุรกิจใน 2H23 เตรียมเปิดสาขาสปาใหม่ เพิ่มอีก 3 สาขา ภายใต้แบรนด์ Let’s Relax เป็นสปาระดับ 4 ดาว และมีทั้งรูปแบบเปิดสาขาเอง เข้าบริหารจัดการสปาในโรงแรม ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยว ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดผลประกอบการใน 2H23 จะดีกว่า 1H23 โดยปรับเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านบาท (เดิม 1.1 พันล้านบาท) Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 240.83 ล้านบาท และประเมินราคาเป้าหมายที่ 13.75 บาท

 

TKN     ปิด 13.80 บาท/แนวรับ 13.40 บาท แนวต้าน 14.40 บาท

TKN ปรับเป้ายอดขายปี 2023 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากเดิม 15% ขณะที่ใน 2H23 จะเติบโต 15% ด้วยปัจจัยหนุนทั้งจากตลาดในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในการขยายตลาดไปยังยุโรป (โดยเฉพาะอังกฤษ) และตลาดเกาหลี สำหรับต้นทุนสาหร่ายใหม่ที่บริษัททำสัญญาจัดซื้อในปี 2023 คาดว่าจะนำเข้ามาใช้ในการผลิตประมาณ 4Q23 ส่งผลให้ต้นทุนสาหร่ายจะเพิ่มขึ้นราว 15% จากต้นทุนสาหร่ายเก่า ถึงแม้ต้นทุนสาหร่ายจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทจะมีการปรับราคาขายขึ้นในบางประเทศ และยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย (Product Mix) โดยเน้นขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นดี และสร้างยอดขายในต่างประเทศให้มากขึ้น Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 708.50 ล้านบาท และประเมินราคาเป้าหมายที่ 15.10 บาท

 

AAV     ปิด 2.86 บาท/แนวรับ 2.78 บาท แนวต้าน 2.96 บาท

AAV ตั้งเป้ารายได้ปี 2023 ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ และทั้งปี 2023 คาดอัตราขนส่งผู้โดยสาร 20 ล้านคน และอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 12.5 ชั่วโมง/วัน พร้อมคาดผลการดำเนินงานใน 2H23 จะดีกว่า 1H23 เป็นไปตามแนวโน้มความต้องการเดินทางในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ปัจจัยเรื่องฤดูกาลไม่มีผลกระทบต่อจำนวนผู้โดยสารเหมือนกับในอดีต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2023 ที่ 894 ล้านบาท และประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.45 บาท

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...