กางแผน ลอรีอัล ครึ่งปีหลัง ไม่ลดงบ เร่งนวัตกรรม - โหมทำตลาดหนักปลูกมู้ดคนไทย

ลอรีอัล แบรนด์ความงามรายใหญ่ในโลก ได้มีการประเมินภาพรวมตลาดความงามในไทยในปี 2567 จะมีการขยายตัว 8% ส่วนตลาดความงามและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 2.85 แสนล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นตลาดใหญ่สุดมีมูลค่า 1.13 แสนล้านบาท รองลงมากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท กลุ่มเมกอัป มูลค่า 2.27 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม มูลค่า 1.02 หมื่นล้านบาท 

"กรุงเทพธุรกิจ" ได้ร่วมพูดคุยกับ “อรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ” ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดความงามในไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในช่องทางออฟไลน์มีการขยายตัวในระดับหนึ่งหลัก มีแนวโน้มการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ยกเว้นกลุ่มไวเทนนิ่ง ที่มีการขยายตัวสองหลักอยู่ 

สำหรับตลาดในประเทศไทยที่หลายคนมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้ออาจไม่คึกคักมากนัก แต่ลอรีอัล ที่เป็นแบรนด์ผู้นำตลาด ทำให้ในครึ่งปีหลังยังเดินหน้ารุกทำตลาด มุ่งลงทุนขยายตลาดและใช้งบตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการขยายสินค้าต่างๆ เพื่อร่วมกระตุ้นตลาดความงามของประเทศไทยให้คึกคักต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย ทั้งเจาะตลาดแมสและตลาดพรีเมียม โดยลูกค้าทั้งสองกลุ่มยังมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งอยู่ ทั้งสินค้าในตลาดแมส ที่มีสินค้าแบบซอง และสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่มีสินค้าเวชสำอาง

“จากการประเมินกลุ่มลูกค้ายังให้ความสนใจกับความงามสูงอยู่ และยังเลือกซื้อเครื่องสำอาง กลุ่มครีมซองก็มีการขยายตัวเช่นกัน ไปจนถึงกลุ่มเวชสำอาง”

ภาพรวมของลอรีอัล มี 4 กลุ่มผลิตหลักที่ทำตลาดในไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุปโภค ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง

“ดิมอย รอย” รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ตลาดเกิดใหม่ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า ลอรีอัลให้ความสำคัญกับการลงทุนวิจัยและนวัตกรรมสูงมาตลอด โดยในแต่ละปีได้ใช้งบพัฒนาและทำวิจัยประมาณ 1,200 ล้านยูโรต่อปี และมีผลิตภัณฑ์ในเครือรวมทั้งหมด 37 แบรนด์ความงามในโลก พร้อมได้ทำการวิจัยในเรื่อง “เมลาซิล” นวัตกรรมในการแก้ปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุด ที่ใช้เวลาในการวิจัย 18 ปี นำมาร่วมใช้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป

สำหรับ ลอรีอัล แบรนด์ก่อตั้งมากว่า 115 ปีแล้ว ภาพรวมในปี 2566 สร้างยอดขายรวมทั่วโลกที่ 4.118 หมื่นล้านยูโร โดยบริษัทมีศูนย์วิจัยและพัฒนาจำนวนกว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก มีทีมวิจัยและพัฒนาสินค้ากว่า 4,000 คน ส่วนพนักงานทั่วโลก มีจำนวนกว่า 9 หมื่นคน ขณะที่นโยบายของบริษัทได้มุ่งไปสู่การเป็นผู้นำในด้าน บิวตี้เทค 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ