สงครามราคารอบใหม่ ‘EV-รถสันดาป’ อัดส่วนลดหลักแสน

หลังจากปลายปี 2566 มีการแข่งขันลดราคารถโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในระดับคันละ 100,000 บาท ซึ่งทำให้รถเครื่องยนต์สันดาปภายในบางรุ่นลดราคาตาม ล่าสุดบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จําหน่ายรถ BYD ลดราคารุ่น BYD Dolphin 2024 สูงสุด 160,099 บาท ถึง 30 มิ.ย.2567

สถานการณ์ปัจจุบันค่ายรถญี่ปุ่นบางแห่งจัดโปรโมชั่นในช่วงเดือน มิ.ย.2567 เช่น แคมเปญ MAZDA M DAY ให้ส่วนลดสูงสุด 130,000 บาท ขณะที่ดีลเลอร์รถสันดาปบางแห่งของค่ายรถญี่ปุ่นประกาศลดราคารถบางรุ่น เช่น Nissan Kicks ให้ส่วนลด 100,000-120,000 บาท , MazdaCX-30 ให้ส่วนลด 140,000 บาท

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า การปรับลดราคารถเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้ามี 2 ประเด็นที่ต้องพิจารณา ประกอบด้วย

1.กรณี BYD ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าได้ เพราะต้นทุนผู้ผลิตแต่ละรายไม่เท่ากัน โดย BYD มีฐานการผลิตแบตเตอรีจึงทำให้มีความได้เปรียบเชิงต้นทุน

2.เป็นการบริหารสต็อกให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิตและยอดขายที่ผ่านมา โดยการแข่งขันด้านราคาเป็นผลมาจากการมีสต็อกสินค้าเกินความต้องการของตลาด เพราะหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น แต่เมื่อตลาดรถเข้าสู่ภาวะถดถอยทำให้มีสต็อกเพิ่มจึงต้องเร่งระบายสต็อก แต่เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานเพราะเมื่อสต็อกเข้าสู่ภาวะสมดุลจะทำให้การแข่งขันด้านราคาลดลง

ทั้งนี้ การบริหารการผลิตรถต้องวางแผนให้สอดคล้องกับตลาด โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้งานอีวีระยะเร่งด่วน และมาตรการส่งเสริมการลงทุน (อีวี 3.0) ที่จะเริ่มผลิตคืนตามโควต้าการนำเข้ามาทำตลาดภายในปี 2567-2568 ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการ 7 ราย มีกำลังการผลิตรวมปีละ 400,000 คัน ซึ่งหากทุกรายผลิตเต็มที่จะส่งผลต่อสต็อกจึงต้องวางแผนงานให้ดี

ทั้งนี้ การลดราคาของค่ายรถต้องดูให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด เพราะการปรับลดลงต่อเนื่องอาจกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยจะทำให้การยิ่งลดราคายิ่งทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอเพื่อรอราคาใหม่และอาจไม่ได้ทำให้ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

“การลดราคาของค่ายรถคงไม่ใช่ภาพที่ทุกแบรนด์อยากให้เป็น และไม่มีใครทำราคาแล้วลดลงเรื่อยๆ เพราะจะกระทบตลาดรถทั้งระบบรวมถึงรถมือ 2 และสุดท้ายจะกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อรถ เพราะลูกค้าไม่รู้ว่าตกลงแล้วจะซื้อรถช่วงไหนดี และสุดท้ายจะรอตัดสินใจเพราะกลัวราคารถจะลดลงอีก” นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดอีวี แม้จะยังเติบโต แต่ก็มีทิศทางที่ชะลอตัวเช่นกัน และมีภาวะการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาด อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจไม่ดีนัก

ชี้ลดราคารถรักษากำลังการผลิต

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.ยังไม่มองเป็น “สงครามราคา” เพราะรถออกใหม่มี ซี.ซี.ต่ำลงทำให้ราคาลดลงขึ้นกับรถแต่ละรุ่นรถที่พัฒนา และขึ้นกับความนิยมของผู้ใช้รถ เช่น รถไฮบริดตอบโจทย์ประหยัดน้ำมันช่วงราคาน้ำมันสูง อีกทั้งปล่อยไอเสียลดลงจึงตอบโจทย์กรีนคาร์บอน

“รถสันดาปและรถอีวีที่ราคาลดลงเป็นการทำตลาดบางช่วงไม่ได้ลดราคาตลอด เป็นแคมเปญที่สร้างขึ้นเพราะตลาดรถแข่งขันรุนแรงมาตั้งแต่อดีตก่อนมีรถอีวี เพราะหลายยี่ห้อต้องการเพิ่มยอดการขายเพื่อให้มียอดผลิตสูงขึ้นและทำให้ต้นทุนต่อคันลดลง หรือ Economic of scale" นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายการผลิตรถปี 2567 ที่ตั้งไว้ 1.9 ล้านคัน กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท.จะดูสถานการณ์จะพิจารณาเป้าหมายใหม่ในวันที่ 25 มิ.ย.2567 เพื่อประเมินสถานการณ์ 6 เดือนแรกของปีนี้ รวมทั้งจะพิจารณาว่ารัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งแม้งบประมาณประจำปี 2567 จะออกมา แต่จะต้องรอดูงบประมาณประจำปี 2568 ที่อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภาว่าจะเป็นอย่างไร

แบงก์ชาติถกค่ายรถแลกเปลี่ยนมุมมอง

นางสาวอลิศรา มหาสันทนะ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า วันที่ 17 มิ.ย.2567 ธปท.เชิญผู้ประกอบการและสมาคมต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมหารือแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกัน 

ทั้งนี้การหารือดังกล่าวเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองต่อภาวะและแนวโน้มธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องกฎเกณฑ์ หรือ เกณฑ์กำกับควบคุมหรือดูแลธุรกิจยานยนต์แต่อย่างใด รวมถึงมีการอัพเดทสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านต่างๆ

รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองภาวะและแนวโน้มธุรกิจแล้ว และได้หารือถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของธุรกิจ อุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับความท้าทายที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะสั้น และการปรับตัวเพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจในระยะข้างหน้า

“การหารือนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการ ของแบงก์ชาติ ที่ทำมาต่อเนื่องกับหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยในการประเมินภาพเศรษฐกิจเพื่อการทำนโยบายและมาตรการของแบงก์ชาติต่อไป” นางสาวอลิศรา กล่าว

รายงานข่าวระบุว่า หากดูสถานการณ์สินเชื่อรถยนต์ในปัจจุบัน ถือว่าน่าห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลหนี้เสียและหนี้ค้างชำระสินเชื่อรถยนต์ทั้งระบบ โดยข้อมูลบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) พบว่า ครัวเรือนไทยทั้งระบบ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 1.09ล้านล้านบาท ในนี้มีสินเชื่อรถยนต์ ที่เป็นหนี้เสียแล้ว 2.38 แสนล้านบาท เติบโต 32% 

ทั้งนี้หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีหนี้ค้างชำระหรือ (SM) ที่ค้างชำระหนี้ไม่เกิน 90 วัน อีก 2 แสนล้านบาท และมีหนี้รถยนต์ที่กำลังปรับโครงสร้างอีก 3.9 หมื่นล้านบาท

รวมทั้งหากดูรายละเอียดพบว่า กลุ่มที่เป็นหนี้เสียและค้างชำระทั้งหมดส่วนใหญ่มาจาก GenY ที่มีหนี้เสียรถยนต์แล้ว 4.15 แสนสัญญา หรือบัญชี ซึ่งคิดเป็นยอดวงเงินรวม 1.28 แสนล้านบาท และกำลังเป็นหนี้เสีย (SM) อีก 2.98 แสนสัญญา หรือ 1.14 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้ง 2 กลุ่ม พบว่ามีลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียและค้างชำระแล้ว 7.13 แสนบัญชี ซึ่งคิดเป็นยอดสินเชื่อ 2.4 แสนล้านบาท

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

อเมริกันดราม่า! กองเชียร์จี้ไบเดนลาออก เปิดทาง ‘ประธานาธิบดีแฮร์ริส’ สู่ทำเนียบขาว

เว็บไซต์ Times Now รายงานว่า แม้แฮร์ริสจะยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้วและขอให้ผู้สนับสนุน “สู้ต่อไป” แต่บร...

อีลอน มัสก์ หนุนทรัมป์แทรกแซง 'เฟด' ชูประเด็น #EndtheFed ให้ปธน.คุมแบงก์ชาติ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ และเป็นเจ้าของแ...

การกลับมาของวัฒนธรรม Gothic ทางเลือกของ Gen Z ท่ามกลางป๊อปคัลเจอร์

วัฒนธรรมกอธิค หรือโกธิคที่มีรากฐานมาจาก Dark Romantic ความเข้มข้นทางอารมณ์ และการแสดงออกถึงตัวตนที่แ...

คาด 'วันคนโสดจีน' 11.11 ปีนี้ ยอดขายดีขึ้น แต่แบรนด์เนมหรูยังฟื้นยาก

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เทศกาลวันคนโสด 11.11 ซึ่งเป็นเทศกาลชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีของจีน แล...