พรีเมียร์ลีกแชมป์

ฝุ่นตลบเลยทีเดียวสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะวันสุดท้ายของยุโรปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา บรรดาทีมต่างๆ ก็เร่งเครื่องเพื่อที่จะปิดดีลคว้านักเตะที่ต้องการมาร่วมก๊วนให้ได้ เพราะหากพลาดครั้งนี้ต้องรออีกทีช่วงเดือนมกราคมปี 2024

โดยวันสุดท้าย พรีเมียร์ลีกจ่ายเงินในการไล่ล่านักเตะสูงถึง 255 ล้านปอนด์ (ประมาณ 11,346 ล้านบาท) ที่เป็นไฮไลต์มากสุดก็คือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าตัวของมาเตอุส นูเนส กองกลางทีมชาติโปรตุเกส มาร่วมก๊วนอย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,447 ล้านบาท) ซึ่งแพงที่สุดในวันสุดท้าย

แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คือ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ทุ่มเงินมากถึง 45 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,002 ล้านบาท) คว้าเบรนแนน จอห์นสัน ดาวรุ่งชาวผู้ดีจากนอตติงแฮม ฟอเรสต์ เพื่อนร่วมลีกมาร่วมก๊วนเพื่อแก้ปัญหาแนวรุกฝืดเคือง

ส่วน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก็ประกาศคว้าตัวของไรอัน กราเฟนเบิร์ช มาร่วมก๊วนอย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 34.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,526 ล้านบาท) เช่นเดียวกับ “สิงห์บลู” เชลซี ที่ซิวตัวโคล พาลเมอร์ แนวรุกดาวรุ่งมาร่วมก๊วนด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,780 ล้านบาท)

ขณะที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เงียบเหงามาก่อนหน้านี้ก็ปิดดีลรวดเดียว 4 แข้งรวดประกอบด้วย อัลทาย บายินดีร์ ผู้รักษาประตู 4.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 200 ล้านบาท), โซฟียาน อัมราบัต (ยืมตัว), เซร์คิโอ เรกิลอน (ยืมตัว) และ จอนนี อีแวนส์ (เซ็นฟรี) เรียกได้ว่าแต่ละตัวไม่ธรรมดาทำให้ขุมกำลังของเอริค เทน ฮาก กุนซือเลือดดัตช์แน่นขึ้น

อีกรายที่เซอร์ไพรส์สุดๆก็คือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ที่สามารถคว้าตัวของอันซู ฟาติ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติสเปนของบาร์เซโลนา มาใช้งานแบบยืมตัวเป็นเวลา 1 ซีซัน ถือว่าเป็นดีลที่น่าจะเสริมแกร่งแนวรุกให้ “นกนางนวล” อันตรายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

หลังจากปิดตลาดวันสุดท้ายไปทำให้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สร้างสถิติใหม่ในการซื้อนักเตะอีกครั้งโดยในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ใช้เงินไปทั้งหมดสูงถึง 2,360 ล้านปอนด์ ทุบสถิติสูงสุดเดิมของซัมเมอร์ปี 2022 ซึ่งครั้งนั้นมียอดซื้อนักเตะรวม 1,920 ล้านปอนด์ (ประมาณ 85,440 ล้านบาท) เลยทีเดียว

ส่วนสโมสรที่จ่ายเงินสูงสุดในซัมเมอร์นี้ “สิงห์บลู” เชลซี ใช้เงินไปถึง 434.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 19,336 ล้านบาท) จากการได้ 10 แข้งมาร่วมก๊วนและกลายเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของยุโรปด้วย ทำลายสถิติเดิมของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แห่งลา ลีกา ที่เคยหมดเงินไป 292 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,995 ล้านบาท) เมื่อปี 2019

ขณะที่อันดับ 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกซีซันล่าสุด ใช้เงินไป 216.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,626 ล้านบาท) ตามมาด้วยทอตแนม ฮอตสเปอร์ 212.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,448 ล้านบาท) อันดับ 3 อาร์เซนอล 208 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,256 ล้านบาท)

ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มซื้อไป 183.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,166 ล้านบาท) ตามมาเป็นอันดับ 4 และลิเวอร์พูล 165.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,360 ล้านบาท) เข้าป้ายเป็นอันดับ 5 ในการซื้อนักเตะ

บอกได้เลยว่าหลังจากเห็นรายชื่อนักเตะตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมาที่ทั้ง 20 ทีมในพรีเมียร์ลีก ดึงตัวเข้ามานั้นบอกได้เลยว่าปีนี้การลุ้นแชมป์และหนีตกชั้นนั้นมันแน่ๆ

โดยเฉพาะแมนฯ ซิตี้ เจ้าของแชมป์ 3 สมัยที่หวังจะคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดในปีนี้ต้องปาดเหงื่อแน่นอนเพราะทั้งอาร์เซนอล, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล รวมถึงเชลซี แต่ละทีมเสริมทัพขนาดนี้

ปีนี้การลุ้นแชมป์อาจจะต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้ายมีโอกาสที่ “เรือใบสีฟ้า” จะร่วงจากบัลลังก์เช่นกัน!!

มะระหวาน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...