TSC TRADE รุกจับคู่ธุรกิจไทย – จีน พาเอกชนไทยบุกจีนตอนใต้ เจาะตลาด 600 ล้านคน

ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ด้านการค้ากับจีนยาวนานหลายทศวรรษ โดยจีนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยมาโดยตลอด ไทยกับจีนมีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงสุดติดต่อกันถึง11ปี ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปีปัจจุบัน โดยตลาดการส่งออกสินค้าไปจีนของไทยที่สำคัญอยู่ในภูมิภาคจีนตอนใต้ซึ่งมีประชากรกว่า 600 ล้านคน

จากโอกาสทางธุรกิจ และการค้าที่เปิดกว้างในพื้นที่จีนตอนใต้ทำให้คณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและค้าข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้  (Thai–South China Trade) หรือ “TSC TRADE” หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้จัดงาน “TSC trade Exclusive Dinner Talk 2024” เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2567 ที่ผ่านมาโดยมีนักธุรกิจ นักลงทุนทั้งชาวไทย ชาวจีน และนักลงทุนต่างประเทศ รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานราชการ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานกว่า 200 คน

นายเชาว์ชัย เจียมวิจิตร ประธานคณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและข้ามแดนด้านจีนตอนใต้ (TSC trade) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่าการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เป็นการทำความรู้จักและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจไทย และธุรกิจจีน ซึ่งการพบหารือกันในครั้งนี้คาดว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือของภาคเอกชน และการจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจ และนักธุรกิจจีน  โดยภายในงานมีผู้เข้าร่วมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ และสื่อมวลชนจากจีน ซึ่งถือว่าผู้ที่เข้าร่วมในงานนั้นครบเครื่ององค์ประกอบที่ส่งเสริมการค้าไทยกับจีน  TSC Tradeจะช่วยให้การอำนวยความสะดวก และประสานงานภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการจับคู่ธุรกิจต่อไปในอนาคต

ปัจจุบันภูมิภาคจีนตอนใต้ ถือว่ามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคักมาก และเป็นพื้นที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย โดยใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพฯโดยสายการบินใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น และในพื้นที่จีนทางตอนใต้ถือว่ามีความนิยมสินค้า และอาหารไทยมาก และมีตลาดขนาดใหญ่อย่างมาก มีประชากรกว่า 600 ล้านคนมากกว่าประชากรไทยถึงกว่า 10 เท่า ประเทศไทยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะขยายตลาด และส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งถือว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับไทยได้มาก นอกจากนั้นพื้นที่จีนตอนใต้นอกจากมีประชากรมาก ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น เมือง 12 ปันนา มีนักท่องเที่ยวมาปีละ 70 ล้านคน ซึ่งก่อนที่จะเกิดโควิด19 นั้น เคยมีธุรกิจและร้านค้าไทย กว่า 300 บริษัท ซึ่งหลังจากโควิด-19 ปิดตัวไปเกือบทั้งหมด ตอนนี้ทาง 12 ปันนาก็อยากให้ธุรกิจไทยกลับมาเปิดอีกครั้ง

“ต้องบอกว่าตอนนี้มีโอกาสมหาศาลตอนทางด้านธุรกิจสำหรับธุรกิจไทยที่จะเข้าไปในจีน ตอนนี้ผมเดินทางไปจีนทุกสัปดาห์และอยู่หลายวันทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นแล้ว หลังจากที่สามารถทยอยแก้ปัญหาอสังหาฯได้ และมีโอกาสทางธุรกิจมหาศาลรออยู่ เนื่องจากมีกำลังซื้อของคนกว่า 1,500 ล้านคน ซึ่งจะทำให้คนไทยขายสินค้าออกไปได้อีกมาก”

 

ด้านนายไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เนื่องจากทางหอการค้าไทยอยากให้เห็นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจมีการแข่งขันกันสูงมาก และมีความท้าทายในหลายด้านโดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจพึ่งจะฟื้นตัวจากโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงมาก ทำให้การบริหารธุรกิจมีความยากลำบาก ขณะที่นวัตกรรมต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว ทำให้การทำธุรกิจมีการเปลี่ยนสภาพไป ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องมีความร่วมมือกันมากขึ้น  นอกจากนั้นเวทีในลักษณะนี้ยังสามารถช่วยให้นักธุรกิจทั้งสองประเทศมีความรู้เกี่ยวกับการค้า และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆในการทำธุรกิจที่น่าสนใจ

ปัจจุบันธุรกิจและสินค้าไทยได้รับการยอมรับสูงจากตลาดจีนทำได้ได้ เช่น เรื่องอาหาร การเกษตร การท่องเที่ยว และสุขภาพ ซึ่งมีหลายธุรกิจที่มีการเปิดกว้างมากในจีนที่นักธุรกิจไทยจะไปร่วมมือได้ โดยเฉพาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งหอการค้ามีกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ “Young Entrepreneurs chamber of commerce” หรือ “YEC”  ซึ่งเราก็สนับสนุนให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ไปหาช่องทางความร่วมมือในธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม และดิจิทัล ซึ่งมีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งหอการค้าก็จะมีการสนับสนุนในส่วนนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความร่วมมือกันในหลายๆด้านมากขึ้น

ทั้งนี้การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่ดีแบบที่สภาหอการค้าฯผลักดัน เช่น การเปิดให้นักศึกษาจากจีนเข้ามาเรียนที่ม.หอการค้าฯซึ่งเป็นการสร้างพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ (Business partner) ที่สามารถสร้างความร่วมมือต่อไปได้ในระยะยาวในการไปลงทุนในจีน เช่นเดียวกับที่เราก็เปิดให้จีนเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของเราเช่นกัน ซึ่งทำให้ฐานธุรกิจของนักธุรกิจทั้งสองประเทศขยายเพิ่มมากขึ้นด้วย

“ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมีมานาน และเราเป็นเสมือนชาติที่เป็นพี่น้องกัน ประเทศไทยเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่มีการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวและธุรกิจจีนที่เข้ามาทำธุรกิจร่วมกับคนไทย มีกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ซึ่งการจัดกิจกรรมเน็ตเวิร์คกิ้งแบบนี้ทำให้เราจะสามารถมีความร่วมมือทางด้าน ต่างๆร่วมกัน ซึ่งจะมีการจัดต่อเนื่องไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์เรื่องของความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกันต่อไป”  

ไทยไฟท์เล็งขยายธุรกิจในจีน

ด้านธานี เต็มบุญศักดิ์ Chief Financial Officer บริษัท  ไทยไฟท์  หนึ่งในผู้ประกอบการชาวไทยที่มาร่วมในงานนี้ระบุว่าปัจจุบันความนิยมมวยไทยในจีนสูงมาก มีการฝึกมวยไทยในยิม และโรงเรียนสอนหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีเทรนเนอร์หรือครูมวยไทยที่มีความรู้ถูกต้องมากนัก บริษัทจึงได้มีการหารือกับพาร์ทเนอร์จากประเทศจีนในการที่จะขยายธุรกิจมวยไทยของไทยไฟท์ไปยังประเทศจีน

โดยวางเป้าหมายในการเปิดยิมมวยไทยในจีนกว่า 1 หมื่นแห่งภายใน 5 ปี โดยมวยไทยนั้นจะเป็นสื่อในการขยายซอฟท์พาวเวอร์ของไทยไปยังจีน ซึ่งจะโยงไปยังธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น โรงแรมมวยไทย อาหารไทย การนวดไทย ซึ่งถือว่ายังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจนี้ได้อีกมากในจีน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...