เปิดสถิติ 'เรือยอร์ช' ปักหมุดภูเก็ต สะท้อนการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่

กระทรวงคมนาคมเปิดสถิติเรือยอร์ชที่มีความยาวเกินกว่า 24 เมตร หรือมากกว่า 80 ฟุต เข้า – ออกในจังหวัดภูเก็ต พบว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางด้วยสายการเดินเรือ เป็นการท่องเที่ยวเชื่อมโยงแนวเส้นทางหลายประเทศ และหนึ่งในจุดหมายปลายทาง คือ จังหวัดภูเก็ต

โดยสถิติในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ดังนี้

- จำนวนเรือขาเข้า ปี 2562 จำนวน 164 ลำ

- จำนวนเรือขาออก ปี 2562 จำนวน 173 ลำ

- จำนวนเรือขาเข้า ปี 2563 จำนวน 85 ลำ

- จำนวนเรือขาออก ปี 2563 จำนวน 97 ลำ

- จำนวนเรือขาเข้า ปี 2564 จำนวน 41 ลำ

- จำนวนเรือขาออก ปี 2564 จำนวน 38 ลำ

- จำนวนเรือขาเข้า ปี 2565 จำนวน 117 ลำ

- จำนวนเรือขาออก ปี 2565 จำนวน 99 ลำ

- จำนวนเรือขาเข้า ปี 2566 จำนวน 148 ลำ

- จำนวนเรือขาออก ปี 2566 จำนวน 159 ลำ

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณเรือยอร์ชที่เข้ามาใช้บริการในราชอาณาจักร กระทรวงฯ ได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่า จัดทำข้อมูลเรื่องการดำเนินการรองรับนักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตที่เดินทางโดยเรือสำราญ Yacht/Super Yacht รวมทั้งศึกษาความจำเป็นของขั้นตอนแนวทางการปฏิบัติและระยะเวลาการขออนุญาตตามกฎหมาย กรณีการนำเรือ Super Yacht เข้ามาในประเทศไทย เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการขออนุญาตให้มีความรวดเร็ว และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ให้เร่งรัดพัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ตามนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน แบ่งเป็น

ฝั่งอ่าวไทย

รองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์และท่าเรือปลายทางที่ฮ่องกง โดยจอดที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ฝั่งอันดามัน

รองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ แวะเข้าจอดที่เกาะภูเก็ต และจังหวัดกระบี่

ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง และบริเวณฝั่งอันดามันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ความคุ้มค่า รูปแบบการลงทุนพัฒนารวมถึงวิเคราะห์การดำเนินการตามแนวทาง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือฯ อำเภอเกาะสมุย ศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จ โดยจากผลการศึกษาคาดว่าโครงการจะมีมูลค่าลงทุนอยู่ที่ 12,865 ล้านบาท โดยภาครัฐจะลงทุนมูลค่า 6,201 ล้านบาท สถานะโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP พิจารณาภายในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เพื่อเริ่มขั้นตอนคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในเดือน ต.ค.2567 และมีเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2575

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

อเมริกันดราม่า! กองเชียร์จี้ไบเดนลาออก เปิดทาง ‘ประธานาธิบดีแฮร์ริส’ สู่ทำเนียบขาว

เว็บไซต์ Times Now รายงานว่า แม้แฮร์ริสจะยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้วและขอให้ผู้สนับสนุน “สู้ต่อไป” แต่บร...

อีลอน มัสก์ หนุนทรัมป์แทรกแซง 'เฟด' ชูประเด็น #EndtheFed ให้ปธน.คุมแบงก์ชาติ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ และเป็นเจ้าของแ...

การกลับมาของวัฒนธรรม Gothic ทางเลือกของ Gen Z ท่ามกลางป๊อปคัลเจอร์

วัฒนธรรมกอธิค หรือโกธิคที่มีรากฐานมาจาก Dark Romantic ความเข้มข้นทางอารมณ์ และการแสดงออกถึงตัวตนที่แ...

คาด 'วันคนโสดจีน' 11.11 ปีนี้ ยอดขายดีขึ้น แต่แบรนด์เนมหรูยังฟื้นยาก

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เทศกาลวันคนโสด 11.11 ซึ่งเป็นเทศกาลชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีของจีน แล...