เปิด “คลินิกสินค้าประมงส่งออก” เพิ่มโอกาสทางการค้า

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า  ประเทศไทยนับเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประมงที่สำคัญรายหนึ่งของโลก โดยจากข้อมูลของกรมประมง พบว่าในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยสามารถส่งออกสินค้าประมงไปยังตลาดต่างประเทศได้ในปริมาณถึง 1,476,538 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 211,000 ล้านบาท โดยประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น ประเทศในกลุ่มอาเซียน และตะวันออกกลาง เป็นต้น  

 ปัจจุบันมีผู้ประกอบการส่งออกสินค้าประมงทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อกำหนดของประเทศคู่ค้าของแต่ละประเทศ การอำนวยความสะดวกในการประสานงานด้านการรับรองสถานประกอบการ การแก้ไขปัญหาการส่งออก รวมถึงขั้นตอนการดำเนินงาน ในการดำเนินกิจการขนาดเล็กและขนาดกลางของผู้ค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาสู่ในตลาดส่งออกสินค้าประมง กรมประมงจึงได้เปิดคลินิกสินค้าประมงส่งออก เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ ตอบข้อซักถาม และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการที่ประสงค์จะส่งออกสินค้าประมงไปยังต่างประเทศ 

รวมถึงรายละเอียดของข้อกำหนด ประเทศคู่ค้า การขึ้นทะเบียนสถานประกอบการกับกรมประมง การขอรับรอง GMP/HACCP การตรวจสุขอนามัยแพปลา ท่าเทียบเรือ สถานบรรจุสัตว์น้ำ และโรงงานแปรรูป รวมถึงขั้นตอนการขอใบรับรองสุขอนามัย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้รับทราบถึงกระบวนการเข้าสู่ผู้ค้ารายใหม่ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ที่ต้องการการรับรองเพื่อส่งออกสินค้าประมงไทยไปต่างประเทศด้วย ซึ่งเป็นการให้บริการผ่านระบบแอปพลิเคชั่นไลน์ เพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าประมงทั้งหมด

  สำหรับความก้าวหน้าของการเปิดตลาดสินค้ากุ้งก้ามกรามมีชีวิตไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูงว่า ขณะนี้ทางสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (The General Administration of Customs of the People's Republic of China : GACC) ได้รับเอกสารในการควบคุมระบบการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของไทยเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ GACC กำหนด จากกรมประมงเรียบร้อยแล้ว และกรมประมงได้จัดส่งรายชื่อฟาร์มและรายชื่อสถานประกอบการไปยัง GACC เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

 

ส่วนของการผลักดันการส่งออกสินค้าปลากะพงขาวแช่แข็งนั้น ทาง GACC จะเดินทางมาตรวจประเมินระบบการควบคุมด้านการเพาะเลี้ยงปลากะพงขาวของไทยและสถานประกอบการในช่วงเดือนตุลาคม 2567 นี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ไทยจะสามารถเพิ่มโอกาสทางการค้าสำหรับ กุ้งก้ามกราม และปลากะพงขาวกับสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ในเร็ว ๆ นี้ และจะเร่งพัฒนาขีดความสามารถรวมถึง ศักยภาพในการส่งออกสินค้าประมงอื่น ๆ ของไทยให้สามารถขยายตัวได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต โดยกรมประมงในฐานะหน่วยงานภาครัฐพร้อมที่สนับสนุนองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการส่งออกสินค้าประมงให้ก้าวสู่เวทีการค้าต่างประเทศอย่างแข็งแกร่งต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าประมง สามารถขอรับคำปรึกษา แนะนำ ได้โดยการสแกน QR-Code เข้าร่วมกลุ่มไลน์ “Clinic สินค้าประมงส่งออก” หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ กองตรวจสอบคุณภาพสินค้าประมง กรมประมง โทร. 02 558 0139 และ 02 558 0141 - 2 ในวันและเวลาราชการ หรือ ทางอีเมลล์ [email protected]

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อินโดนีเซีย’ มุ่งมั่น ฝันเป็น ‘ฮับอีวี’ ระดับโลก

หลังจากอินโดนีเซียได้รับเลือกเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่มูลค่า1.1 พันล้านดอลลาร์ จากการร่วมทุนของ...

รู้จัก on-us.com สตาร์ทอัพฮ่องกง เจ้าของนวัตกรรม คูปองดิจิทัล ที่มี VISA ร่วมลงทุน

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) กลายเป็นกลยุทธ์สำคั...

ประกันภัยตามการใช้งาน: ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล

ประกันภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของผู้เอาประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายจากภัย...

‘ทรู’ หวัง EBITDA โตทะลุเป้า ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 พร้อมลงทุน 2 หมื่นล้าน เร่งลงทุนและเน็กเวิร์ค

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRU...