สทท. จี้รัฐติดอาวุธ SME ท่องเที่ยว รับมือมาเฟียต่างชาติชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต

“ภูเก็ต” หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาเยือน พึ่งพิงรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักถึง 90% ด้วยสถานะขุมทรัพย์ใหญ่สร้างรายได้การท่องเที่ยวสูง 4.7 แสนล้านบาท เมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด จากฐานนักท่องเที่ยวรวม 14 ล้านคน เป็นชาวต่างชาติ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 4.2 แสนล้านบาท และชาวไทยอีก 4 ล้านคน สร้างรายได้ 50,000 ล้านบาท

กระทั่งเข้าสู่ปี 2566 ภูเก็ตปิดฉากยุคโควิดด้วยรายได้การท่องเที่ยว 388,017 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 11,300,498 คน เป็นชาวต่างชาติ 8,376,464 คน สร้างรายได้หมุนเวียน 365,826 ล้านบาท และชาวไทย 2,924,034 คน สร้างรายได้หมุนเวียน 22,190 ล้านบาท ภาพรวมฟื้นตัวกว่า 80% ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมเมื่อเทียบกับปี 2562 สะท้อนภาพผู้คนจากทั่วโลกต่างตบเท้าเดินทางเข้าภูเก็ต นำไปสู่ความกังวลประเด็นมาเฟียต่างชาติ เข้ามาทำธุรกรรมผิดกฎหมายในไทย

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ส่งผลให้เซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยม ขยับดีมากๆ โดยเฉพาะกำลังซื้อจากตลาดชาวรัสเซียและชาวจีน

อย่างไรก็ตาม สทท.เป็นห่วงด้านซัพพลายการท่องเที่ยว เมื่อโอกาสจากดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ แต่ก็มาพร้อมปัญหาต่างๆ รวมถึงประเด็นมาเฟียต่างชาติ 

"จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งติดอาวุธแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี หรือคนตัวเล็กตัวน้อย ก็น่าจะช่วยกันประคองธุรกิจเหล่านี้ให้เดินหน้าฟื้นตัว"

'ททท.' มั่นใจไม่กระทบภาพลักษณ์ 'พรีเมียม' ภูเก็ต

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากกรณีชาวสวิตเซอร์แลนด์ทำร้ายแพทย์หญิงใน จ.ภูเก็ต ได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงความกังวลต่อประเด็นมาเฟียต่างชาติในภูเก็ต ททท. มองว่าจะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ความเป็นจุดหมายปลายทางระดับพรีเมียมของภูเก็ต ซึ่งกำลังบูมอย่างมากในยุคหลังโควิด

“ในทุกๆ พื้นที่ของการท่องเที่ยว เมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องมีการบริหารจัดการตามมา แน่นอนว่าพอเกิดบทเรียน ย่อมนำมาสู่การบริหารจัดการที่ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าพอเกิดเหตุการณ์นี้แล้วภูเก็ตจะแย่ หรือภาพลักษณ์ความพรีเมียมของภูเก็ตจะจบลง ทาง ททท.มองว่าจะไม่กระทบถึงขั้นนั้น”

สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายได้เรียนรู้ สามารถนำไปต่อยอดการบริหารจัดการว่าต้องทำอย่างไร ไม่ให้อยู่กับปัญหาเดิมๆ ตอนนี้จึงเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สิ่งต่างๆ ที่ภูเก็ตกำลังเจอ ก็ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการบริหารจัดการที่ดีนั้นเป็นอย่างไร

“จุดนี้ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ทำคนเดียวไม่ได้”

 

โรงแรมทะลัก 'ภูเก็ต' เกิน 2 แสนห้อง

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ตลาดโรงแรมที่พัก จ.ภูเก็ต ในปัจจุบัน พบว่ามีโรงแรมในระบบจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 933 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักกว่า 70,000 ห้อง และเมื่อรวมโรงแรมในระบบและนอกระบบ มีจำนวนรวมกว่า 3,000 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมเกิน 200,000 ห้อง

จากการสำรวจข้อมูลจากสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ พบว่าโรงแรมในภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 2566 อยู่ที่ 71% โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ. มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 90% คาด มี.ค. ชะลอตัวลงอยู่ที่ระดับมากกว่า 80% และน่าจะลดลงเหลือ 75% ในเดือน เม.ย. เนื่องจากเริ่มเข้าสู่โลว์ซีซัน เฉพาะช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์คาดมีอัตราการเข้าพักราว 80-85% เนื่องจากได้ตลาดลูกค้าคนไทยมาเติม

ด้านสถานการณ์ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของโรงแรมระดับต่างๆ ในภูเก็ตปี 2567 พบว่าโรงแรม 4-5 ดาวสามารถทำราคาห้องพักฟื้นกลับมาดีเท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดหรือดีกว่าด้วยซ้ำแล้ว ขณะที่โรงแรม 3 ดาว แม้ราคาห้องพักยังไม่กลับไปเท่าเดิม แต่อัตราการเข้าพักเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

หลังตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยว จ.ภูเก็ต ฟื้นดีต่อเนื่อง เมื่อเดือน ม.ค.-ก.พ. 2567 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ดีกว่าปี 2566 ที่ฟื้นตัวไม่ถึง 30%

 

2 เดือนแรก 'รัสเซีย' แชมป์เที่ยวภูเก็ต

นายศึกษิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติผู้โดยสารชาวต่างชาติที่เข้าภูเก็ต ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2567 มีจำนวนสะสม 1,036,049 คน โดย 10 อันดับแรกของสัญชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตสูงสุด มีดังนี้

อันดับ 1 รัสเซีย 246,915 คน

อันดับ 2 จีน 197,943 คน

อันดับ 3 อินเดีย 48,363 คน

อันดับ 4 คาซัคสถาน 47,247 คน

อันดับ 5 ฝรั่งเศส 43,188 คน

อันดับ 6 เยอรมนี 40,243 คน

อันดับ 7 สหราชอาณาจักร 39,091 คน

อันดับ 8 ออสเตรเลีย 33,889 คน

อันดับ 9 เกาหลีใต้ 26,168 คน

อันดับ 10 สวีเดน 24,373 คน

เฉพาะเดือน ม.ค. มีผู้โดยสารชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ต 518,190 คน อันดับ 1 คือ รัสเซีย 130,705 คน อันดับ 2 จีน 84,874 คน ขณะที่เดือน ก.พ. มีจำนวนรวม 517,859 คน อันดับ 1 รัสเซีย 116,210 คน อันดับ 2 จีน 113,069 คน ตีตื้นขึ้นมาเนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน

สมาคมฯ คาดว่าเดือน มี.ค. นักท่องเที่ยวจีนจะสามารถทวงแชมป์ท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาได้ และถ้ากระแสเดินทางดีต่อเนื่องตลอดปี 2567 คาดมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าภูเก็ต 1.5 ล้านคน ฟื้นตัว 50% จาก 3 ล้านคนเมื่อปี 2562 ส่วนปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนมาภูเก็ตฟื้นตัว 25-30%

“ภาคเอกชนท่องเที่ยวภูเก็ตคาดหวังเห็นการฟื้นตัวสูงกว่านั้น เพราะ ททท. ตั้งเป้าหมายการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปี 2567 สูงเกือบ 80% หรือไม่น้อยกว่า 8 ล้านคน เทียบจำนวนคนจีนเที่ยวไทย 11 ล้านเมื่อปี 2562”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...