ต้องรีบแก้ไข

กลับมาเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมเดิม เหมือนตอนสมัยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปี ที่แล้วอีกครั้ง หลังโชว์ฟอร์มสุดเทพเหลือ 10 คน ไล่พลิกตบ “สาลิกา” นิวคาสเซิล ไปได้ 2–1 ทั้งๆที่ตัวน้อยกว่าตั้งแต่นาทีที่ 29 ก็ตาม

ก่อนหน้านี้นับตั้งแต่คว้าแชมป์ไปในฤดูกาล 2019-2020 ลิเวอร์พูลก็ฟอร์มตกไปพอสมควร ส่วนหนึ่งมาจากอาการบาดเจ็บ ช่วงหลังๆทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เหมือนโดนสาป มักจะมีตัวหลักได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา

และแต่ละพีเรียดก็ต้องมีบาดเจ็บหนักถึงพักยาว 5-6 เดือนก็มี ซึ่งเรื่องอาการบาดเจ็บเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ทาง “หงส์แดง” ไม่กลับมาผงาดอีกครั้ง โดยเฉพาะซีซันที่แล้วที่ฟอร์มร่วงในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แม้ว่าจะเร่งเครื่อง ในช่วงสุดท้ายก็ไม่ทันจบแค่อันดับ 5 อดไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

นอกจากฟอร์มที่ร่วงเอาๆไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่หายไปในฤดูกาลที่แล้วคือคาแรกเตอร์ของ “หงส์แดง” ที่หายไป

โดยก่อนหน้านี้ลูกทีมของคลอปป์จะเป็น ทีมที่ไม่ยอมแพ้จนถึงหยดสุดท้าย พร้อมที่จะพลิกเกมตลอดเวลาจนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีด แต่สิ่งดังกล่าวนี้ขาดหายไปสำหรับ “หงส์แดง” เมื่อซีซันที่แล้ว

แต่พอหลังจากจบเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ นิวคาสเซิล ไป 2-1 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคาแรกเตอร์ ที่ไม่ยอมแพ้ของ “หงส์แดง” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้กลับมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟอร์มจะยอดเยี่ยม แต่ คลอปป์ยังต้องมีเรื่องที่ปวดหัวอยู่ 2 จุด ได้แก่ จุด แรกก็คือแผงกองกลางที่เป็นคนใหม่ยกชุดทั้ง 3 ราย หลังจากปล่อยตัวหลักๆออกจากทีมไปเกือบยกเซต

แดนกลางเรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเกมเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ 3 กองกลางตัวใหม่ของ “หงส์แดง” ผ่านไปแล้ว 3 นัด มี 1 คน ที่สอบผ่านแล้วก็คือ โดมินิค โซโบซไล กองกลางทีมชาติฮังการี ที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม

ขณะที่อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลก 2022 แม้ว่าจะยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเหมือนตอนเล่นกับ ไบรท์ตันได้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเสียหายมากนัก

แต่ตอนนี้คนที่โดนกดดันมากที่สุดก็คงไม่พ้นวาตารุ เอ็นโดะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่นที่เพิ่งย้ายมาจากสตุตการ์ตหมาดๆ ที่ตอนนี้ลงเล่นไป 2 นัด กองกลางเลือดปลาดิบไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เข้าตา “เดอะ ค็อป”

แต่ก็ต้องเข้าใจว่ามิดฟิลด์วัย 30 ปี เพิ่งจะย้ายเข้ามาหมาดๆ ต้องใช้เวลาปรับตัวอีกพอสมควร เพราะเอ็นโดะไม่ได้ลงเล่นในช่วงปรีซีซัน ก็ทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวอีกซักระยะ

ส่วนปัญหาที่ 2 ของทีมตอนนี้เชื่อว่าหลายคนก็เห็นได้ชัดก็คือตำแหน่งแบ็กขวาของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ยังโชว์ฟอร์มได้ไร้ความสม่ำเสมอ บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะแย่ก็แย่แบบสุดๆ

เทรนต์ มักจะมีปัญหาเรื่องสมาธิที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แถมยังยืนตำแหน่งค่อนข้างพลาดจนทำให้คู่ต่อสู้สามารถเล่นได้ง่ายๆ ถ้าเมื่อไรคู่ต่อสู้เห็นเทรนต์พลาดเมื่อไร ตลอดทั้งเกมก็จะเจาะอยู่ฝั่งแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษอยู่ฝ่ายเดียว จนตอนนี้กลายเป็นบ่อน้ำมันบ่อใหญ่ที่คลอปป์ต้องรีบกลบอุดรอยรั่วให้ได้

ไม่เข้าใจคลอปป์ว่ามองไม่เห็นจริงๆ หรือแกล้งหลับตาไม่เห็นไปซะอย่างนั้น หรือเพราะ เพียงแค่เทรนต์เป็นสเกาเซอร์ขนานแท้จึงต้องให้โอกาสตลอด

อย่างน้อยถ้ากุนซือเลือดเบียร์ดึงแบ็กขวาเข้ามาเสริมทัพในช่วงเวลาอีกไม่กี่วันก่อนตลาดซื้อ ขายจะปิดลง อย่างน้อยๆก็เอามากดดันเทรนต์ก็ยังดี

เพราะถ้าหากยังทนทู่ซี้เลือกใช้เทรนต์อยู่คนเดียวโดยไม่มีคู่แข่งเข้ามากดดัน หรือสับเปลี่ยนละก็รับรองว่าเป้าหมายและสิ่งที่วาดฝันเอาไว้ก่อนเริ่มต้นซีซันใหม่รับรองได้พังทลายลงหมดแน่นอน!!

มะระหวาน