‘สมคิด’ ชี้การเมืองฉุด ‘เศรษฐกิจไทย’ มุ่งควิกวิน - ขาดนโยบายระยะยาว

วันนี้ (1 ก.พ.) นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์  อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จับชีพจรประเทศไทย”ในงานสัมมนา “ฝ่าเศรษฐกิจ ปีงูใหญ่  ชวนสร้างไทยให้ยั่งยืน”   จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า การจะจับชีพจรประเทศไทย เศรษฐกิจไทยได้ต้องเข้าใจชีพจรโลกด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกเราแยกกันไม่ออก ไทยเราพึ่งพิงโลกมากจึงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของภูมิรัฐสาสตร์ (Geopolitics) อย่างมาก

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้นเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตช้ามากว่า 20 ปี เศรษฐกิจเราไม่ได้เติบโตได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เรื่องนี้ตนไม่ว่าใครแต่เป็นปัญหาสั่งสมมายาวนาน

วันนี้เศรษฐกิจไทยถือว่าอ่อนแอเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เราเดินช้าขณะที่ประเทศอื่นเขาวิ่งได้เร็วมาก และน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม และอินโดนิเซีย ที่มีการเติบโตได้รวดเร็ว หรือมาเลเซียก็สามารถที่จะกลับมาใช้นโยบายMulti Corridor ในการเดินหน้าเศรษฐกิจได้ ส่วนอินเดียนั้นก็มีจำนวนประชากรและแรงงานมาก มีการลงทุนใหม่ๆเกิดขึ้นมาก แต่ไทยเราเสียความสามารถในการแข่งขันและกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอด และมีจำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆ

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยแต่ละปีต่อจากนี้ไม่ง่ายอีกต่อไป มีตัวเลขที่ออกมาว่าเศรษฐกิจโตได้แค่ 1.8% ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่ถ้าจริงก็ต้องเอาน้ำแข็งโปะหัวเพราะโตต่ำมาก วันนี้สินค้าไทยคืออะไร จุดแข็งของไทยคืออะไรเราจะแข่งกับใครได้ เราสามารถที่จะตอบตัวเองได้หรือไม่เพราะโลกเขาไปอุตสาหกรรมใหม่ และ AI แล้วแต่อุตสาหกรรมของเรา ยังกระจุกตัว มีบริษัทใหญ่ไม่กี่บริษัท และธุรกิจใหญ่ยังผูกกับคาร์บอนและฟอสซิลอยู่มาก” นายสมคิด กล่าว

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่าเสียเวลาไปมากและไม่ใช่ปัจจัยปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเดียวแต่เป็นปัญหาทางการเมือง รัฐบาลแต่ละช่วงเวลาอาจจะรู้ว่าต้องทำนโยบายอะไร แต่ว่าการเมืองของเราไม่สนับสนุนให้ทำได้เพราะการเมืองเรามุ่งแต่จะเอาชนะกัน แบ่งสี แบ่งค่าย เพื่อที่จะเอาฐานเสียงทุกรูปแบบ ก็นำไปสู่การที่ต้องหา “เสบียง” หาเงินมาทำการเมืองมากขึ้น ดัชนีคอร์รัปชั่นก็เลยพุ่งสูง

 เป็นการเมืองที่เปิดโอกาสให้ทุนทางการเมืองเข้ามากลายเป็นรูปแบบธุรกิจ (Business Model) นโยบายจึงออกมาเป็นควิกวิน ระยะสั้นไม่สามารถทำนโยบายระยะยาวได้ เรื่องที่เป็นนโยบายใหญ่ๆ กฎหมายสำคัญๆ ที่จะออกจากสภาฯก็ไม่ทำ การเมืองก็ใช้วิธีการปรองดองกันเพื่อผลประโยชน์เท่าที่ทำได้

นายสมคิดกล่าวว่าสิ่งที่เป็นนโยบายระยะยาววันนี้ยังต้องเดินหน้าโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นั้นต้องทำ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานต้องสร้างความต่อเนื่องแต่วันนนี้ก็มีข่าวว่านักลงทุนบางรายจะไม่ทำต่อ ถ้าโครงการอีอีซีเดินหน้าไม่ได้ก็ไม่ต้องหวังอะไรกับโครงการแลนด์บริดจ์เพราะความเชื่อมมั่นไม่เหลืออยู่แล้ว

“วันนี้ต้องเร่งฟื้นฟู ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ และความเชื่อถือ ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมทั้งฟื้นหลักการความยุติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไปต่อยาก หุ้นตกก็มาจากเรื่องเหล่านี้ เศรษฐกิจถดถอยก็มาจากเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ปัจจัยอื่น ถ้าเรายังไม่ช่วยกันทำ ไม่หือ ไม่อือ ก็จะพาประเทศไทยไปสู่ความเสี่ยง ไม่ใช่ความเสี่ยงที่ เราไม่รู้แต่เป็นความเสี่ยงที่เรารู้แน่นอนว่าเราจะเดินไปสู่อะไร ตรงนี้ต้องคิดกันให้ดี”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...